ระบาดจนไม่รู้จะกวาดล้างได้หมดอย่างไรแล้วกับเจ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีเหยื่อโดนหลอกเงินสูญกันเป็นล้านๆ เมื่อผู้เสียหายไปแจ้งตำรวจ บ้างก็ได้เงินคืน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้เงินคืน ยกเว้นจะตลบหลังพวกมิจฉาชีพออนไลน์พวกนี้ ถึงจะได้ทั้งแก้แค้นและเงินคืน เช่นเดียวกับลูกชายของคุณพ่อรายนี้
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ไต้หวัน เมื่อพ่อของชายรายหนึ่ง ถูกมิจฉาชีพ หลอกเอาเงินไปมากกว่า 7 แสน แต่ตำรวจไม่สามารถช่วยเอาเงินคืนมาได้ ทำให้ลูกชายต้องซ้อนแผนตลบหลัง โดยแกล้งเล่นละครสวม 3 บทบาท จนสามารถนำเงินของพ่อที่โดนหลอกไปกลับมาได้ในที่สุด
ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมืองหนานโถว ในไต้หวัน ชายรายนี้เปิดเผยว่า พ่อของเขาหลงเชื่อกลโกงการลงทุนบนเฟซบุ๊ก ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้ที่แอบอ้างเป็นหญิงสาวทักทายมาคุยด้วยทั้งวัน ก่อนที่จะชักชวนให้ลงทุนด้วยเงินสด 700,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 740,000 บาท โดยให้พ่อของเขาต้องติดตั้งแอพพลิเคชันที่ไม่ทราบที่มาบนโทรศัพท์มือถือ
หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เมื่อพ่อของเชายรายนี้เปิดเข้าไปข้อมูลในแอปฯ ดังกล่าว มันก็แสดงให้เห็นว่า เงินที่เขาลงทุนไป 700,000 นั้น ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ ราวๆ 1.37 ล้านบาท เขาตื่นเต้นดีใจมากเพราะได้กำไรสูงถึง 600,000 ดอลลาร์ไต้หวันหรือประมาณ 635,000 บาท จากนั้นเขาจึงต้องการจะถอนเงินต้นคืน แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ อ้างว่ายอดเงินจะต้องถึงจำนวนหนึ่งที่กำหนดก่อน ถึงจะสามารถถอนออกมาได้
หลังจากเกิดความไม่สบายใจ พ่อของชายรายนี้จึงมาปรึกษาลูกชาย เมื่อลูกชายได้ฟังเรื่องราวก็เข้าใจทันทีว่ามันคือการฉ้อโกงของมิจฉาชีพ ทว่าพ่อของเขาก็ยังไม่อยากเชื่อ จนกระทั่งเขาพาพ่อไปแจ้งความ หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวน ก็สามารถจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้บ้าง แต่ไม่สามารถกู้คืนเงินจำนวน 700,000 บาทกลับมาได้
นั่นทำให้ผู้เป็นพ่อเสียใจมากที่ไม่ได้เงินคืน เพราะเป็นเงินเก็บออมทั้งชีวิตที่หามาด้วยความยากลำบาก ทางลูกชายจึงโกรธแค้น เขาคิดหนักตลอดทั้งคืนจนเกิดความคิดว่า พวกมิจฉาชีพที่ฉ้อโกงคนอื่นก็คงจะมีความโลภมากเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงวางแผนตลบหลังจากจุดอ่อนข้อนี้เช่นเดียวกัน
กระทั่งวันต่อมาลูกชายใช้โทรศัพท์ของพ่อส่งข้อความไปหาผู้หญิงในกลุ่มนั้น อ้างว่ามีเพื่อน 2 คนเห็นว่าเขาได้กำไรได้มาก จึงอยากลงทุนทำกำไรด้วย รายหนึ่ง 500,000 และอีกราย 1 ล้าน จากนั้นเขาก็ปลอมแอคเคานต์เป็น 2 คนที่อยากลงทุน ทักไปคุยในกลุ่มกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เขาเล่นละครจนทำให้อีกฝ่ายเชื่อว่า เขาเป็นคนสูงวัยที่มีเงินเก็บอยู่บ้านและสนใจอยากจะลงทุนให้เงินงอกเงยแบบสบายๆ
พร้อมกันนี้ เขาได้อาศัยโอกาสนี้ทำเนียนเปลี่ยนบทสนทนามาบอกว่า "ตอนนี้ครอบครัวของเขาต้องการเงิน เขาสามารถถอนเงิน 700,000 จากกำไรออกมาก่อนได้หรือไม่?" แต่อีกฝ่ายมีท่าทีไม่เต็มใจในตอนแรก แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ อดทนคุยหลอกล่อกับอีกฝ่ายต่อไปอีกหลายชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังแกล้งทำเป็นเพื่อนอีกคนทักเข้าไปคุย บอกว่าเห็นเพื่อน 2 คนมาคุยว่ามีช่องทางลงทุนทำกำไรดี จึงเกิดความสนใจด้วย จุดนี้เองที่ทำให้จนอีกฝ่ายเกิดความชะล่าใจคิดว่าปลาตัวใหญ่หลายตัวกำลังจะมารุมกินเหยื่อ จนท้ายที่สุดทางมิจฉาชีพจึงยอมให้เงินจำนวน 700,000 ตามที่ตกลง
หลังจากนั้น เขายังคงแกล้งทำเป็นเพื่อนที่สนใจจะลงทุนคุยกับแก๊งมิจฉาชีพต่อ พูดคุยจริงจังเกี่ยวกับรายละเอียดการลงทุนเพื่อดึงดูดความสนใจเอาไว้ไม่ให้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ ส่วนทางด้านของพ่อเธอ อีกฝ่ายยังไม่เลิกหลอกลวงบอกว่าในแอปฯ ตอนนี้บัญชีของเขามีกำไรสูงถึง 2.35 ล้าน แต่ต้องจ่ายภาษี 5-10 เปอร์เซ็นต์ก่อนถึงจะถอนได้
อย่างไรก็ตาม คราวนี้พ่อของเขาไม่ถูกหลอกอีกต่อไป พร้อมทั้งดีใจที่ได้เงินต้นคืนกลับมาแล้ว แต่ทางมิจฉาชีพได้เสียรู้ไปแล้ว และสูญเงินที่หลอกคนอื่นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะรู้เรื่องหรือยัง
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday