สุขภาพในช่องปากเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรละเลย เพราะไม่ใช่นั้นจะไม่มีฟันไว้เคี้ยวข้าว เช่นเดียวกับหญิงสาววัยเพียง 32 ปีรายนี้ที่กำลังเจอปัญหาอย่างหนักกับสุขภาพฟันของเธอ ซึ่งแม้อายุยังน้อย แต่เธอมีฟันเหลืออยู่เพียง 4 ซี่ในปาก ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติและยังรู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองอีกด้วย
ตามรายงานระบุว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นชาวบ้านจากมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ซึ่งตั้งแต่อายุ 22 ปี เธอเริ่มสังเกตว่าฟันของเธอค่อยๆ หลวมและหลุดร่วงไป ในตอนแรก เธอคิดว่าเกิดจากการดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่ดีหรือฟันผุ แต่ภาวะดังกล่าวกลับยังคงดำเนินต่อไป ในที่สุด ฟันของเธอเหลือเพียง 4 ซี่ ซึ่งเป็นฟันกรามที่ไม่มีหน้าที่ในการบดเคี้ยว สภาพดังกล่าวส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตประจำวันของเธอ
เมื่อเข้ารับการรักษา คุณหมอพบว่าสาเหตุเกิดจากโรคปริทันต์ หรือเหงือกอักเสบ หลังจากควบคุมภาวะปริทันต์ได้แล้ว หญิงสาวจึงได้รับการปลูกฟันเทียมทั่วทั้งปาก สามเดือนต่อมา เธอมี "ฟันใหม่" ที่ช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ของเธออย่างมาก ทำให้เธอยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
ด้าน นพ. ฮา ไฮ อันห์ รองหัวหน้าแผนกทันตกรรม โรงพยาบาล 198 กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ อธิบายว่าโรคปริทันต์เป็นโรคร้ายแรงในช่องปากที่เกิดจากการติดเชื้อในเนื้อเยื่อที่รองรับฟัน (เหงือก เอ็นยึดฟัน และกระดูกเบ้าฟัน) โรคนี้มักเริ่มต้นจากโรคเหงือกอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจนทำให้เกิดความเสียหายลึกขึ้น
ในระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอาการเหงือกอักเสบ (บวม แดง เลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน) หากไม่ได้รับการรักษา แบคทีเรียจะลุกลามไปยังเนื้อเยื่อปริทันต์ที่ลึกขึ้น เมื่อโรคพัฒนาไป กระดูกเบ้าฟันและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันจะถูกทำลาย ทำให้เหงือกร่นและฟันหลวม หากกระดูกเบ้าฟันถูกทำลายจนถึงระดับหนึ่ง อาจทำให้ฟันหลุดก่อนวัยอันควร
และยิ่งไปกว่านั้น โรคปริทันต์ไม่เพียงทำให้ฟันหลุด แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคระบบต่างๆ ที่อาจทำให้อาการแย่ลง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือเบาหวาน เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบที่แพร่กระจาย
พร้อมกันนี้ นพ. ฮา ไฮ อันห์ แนะนำให้ประชาชนใส่ใจสิ่งต่อไปนี้
ข้อมูลจาก SOHA