กำลังเป็นทั้งประเด็นและอุทาหรณ์ในโลกออนไลน์จีนอย่างมาก หลังมีการเปิดเผยเรื่องราวจากชายชื่อสกุลหวังรายหนึ่งวัย 72 ปี ที่อาศัยในมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เขาอยากช่วยให้ลูกชายได้แต่งงาน จึงจัดการติดต่อกับบริษัทจัดหาคู่ในท้องถิ่น จนทำให้ได้เจอกับหญิงสาวชื่อสกุลอวี้ จากเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา จากนั้นครอบครัวของหวังก็พาลูกชายไปทำความรู้จัก
โดยในการพบกันครั้งแรก ครอบครัวของหวังต้องการให้ลูกชายได้แต่งงานโดยเร็ว จึงตัดสินใจยอมเซ็นสัญญา โดยจ่ายค่าสินสอดเบื้องต้น 20,000 หยวน หรือราว 94,000 บาท ค่าบริการจัดหาคู่ 150,000 หยวน ประมาณ 708,000 บาท และค่าสินสอดเพิ่มเติมอีก 148,000 หยวน หรือ ราวๆ 698,000 บาท เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ จึงจัดงานแต่งงานกันเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่มณฑลหูเป่ย์ บ้านของครอบครัวหวัง
แต่หลังจากงานแต่งงานผ่านไปได้ 2 วัน ลูกสะใภ้หมาดๆ ได้อ้างกับครอบครัวหวังว่า ต้องกลับไปที่กุ้ยหยางเพื่อทำงานสุดท้ายของเธอให้เสร็จ โดยขอเงินค่าใช้จ่ายจากครอบครัวหวังไปเป็นเงิน 20,000 หยวน หรือประมาณ 94,000 บาท หลังจากนั้นช่วงปลายเดือนสิงหาคม เธอได้กลับมา แต่เธอกลับมีท่าทีเย็นชา อีกทั้งยังโกหกเรื่องงานที่นั่น
ลูกชายของนายหวังจึงตามสืบเรื่องภรรยาของลูกจนได้รู้ว่างานที่เธออ้างถึงนั้นไม่มีอยู่จริง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลงจนถึงขั้นแยกกันอยู่ ต่อมาในดือนกันยายน หวังได้เดินทางไปที่เมืองกุ้ยหยางด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่า ลูกสะใภ้ของเขาลาออกจากที่ทำงานที่เธออ้างไปตั้งนานแล้ว
หลังจากความจริงถูกเปิดเผย ลูกสะใภ้ของหวังก็หนีหายตัวไปไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน หวังจึงฟ้องร้องให้ทางบริษัทจัดหาคู่คืนเงินค่าบริการจนได้คืนมาทั้งหมด พร้อมทั้งให้ทางหญิงสาวอดีตลูกสะใภ้คืนเงินค่าสินสอด เนื่องจากผิดสัญญาการแต่งงาน ซึ่งตอนแรกเธอสัญญาว่าจะคืนสินสอดให้จำนวน 120,000 หยวน หรือ ราวๆ 566,000 บาท แต่ต่อมาการขาดการติดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลสุดท้าย หวังต้องสูญเงินไปกว่า 168,000 หยวน หรือ ประมาณ 793,000 บาท อีกทั้งยังไม่ได้ลูกสะใภ้ แถมต้องมานั่งทุกข์ใจในห้วงสุดท้ายของชีวิต หวังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สภาพจิตใจของเขาและภรรยาได้รับผลกระทบอย่างมาก ลูกชายของเขาก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าจากปัญหาชีวิตและครอบครัวแตกสลาย
ข้อมูลจาก Mirror Media