โรงแรม 5 ดาวเสิร์ฟรูมเซอร์วิสราคาเกือบ 4 พัน เห็นสภาพว่าตกใจ รสชาติตกใจกว่า

เรื่องกินไม่ว่าจะกับใครคือเรื่องใหญ่จริงๆ เพราะแม้โรงแรมจะไม่ค่อยตรงปก คนเราก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าอาหารไม่ตรงปกไม่พอ แถมยังไม่อร่อยด้วยละก็ ยอมไม่ได้จริงๆ ดังเช่นเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ที่กำลังได้รับความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก 

 

โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกพูดถึงอยู่ใน เว็บไซต์ Reddit ซึ่งสมาชิก @JakeRM1 ได้โพสต์ภาพของ อาหาร 2 ชุด ถูกเสิร์ฟมาในกล่องพลาสติกสำหรับนำกลับบ้าน ด้านในมีเบอร์เกอร์ พร้อมด้วยมันฝรั่งทอด ซอสแบบซอง และเบียร์อีก 2 กระป๋อง โดยระบุแคปชั่นว่า "นี่คือหน้าตาเมนูราคา 110 ดอลลาร์ (หรือราวๆ 3,800 บาท) ที่สั่งจากรูมเซอร์วิส"

 

เจ้าของเรื่องเล่าว่าเขานั้นเข้าพักที่โรงแรมชื่อดัง ระดับ 5 ดาวแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แต่ดูแล้วอาหารที่ได้รับ สภาพน่าจะใกล้เคียงกับสั่งอาหารเดลิเวอรี่ มากกว่าการสั่งรูมเซอร์วิสในโรงแรม 5 ดาว ซึ่งนอกจากค่าอาหารแล้ว ยังมีค่าทิป 22% และค่าจัดส่งอีก 5 ดอลลาร์อีกด้วย 

ภาพจาก Reddit

เจ้าของเรื่องมองว่า โรงแรมนั้นควรหยุดเรียกการจัดส่งนี้ว่า "รูมเซอร์วิส" ไปซะ มันดูเหมือนการหลอกลวงว่าเป็นอะไรที่พรีเมียม มันย่ำแย่สุดๆ ซึ่งประเด็นนี้ถูกแชร์ออกไป และนำมาซึ่งความคิดเห็นจาก แกรี่ เลฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว ได้พูดถึงการเสื่อมถอยของมาตรฐานในโรงแรมหรู 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวมองว่า การบริการรูมเซอร์วิสที่เหมาะสมกำลังล่มสลายลงไป เป็นอะไรที่เลวร้ายมาก โรงแรมได้ตัดทอนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไปเยอะมาก รวมถึงเรื่องการทำความสะอาดห้อง จึงไม่แปลกใจเลยที่รูมเซอร์วิสจะคุณภาพถอยหลังลง ถ้าเป็นแบบนี้ การเข้าพักโรงแรมหรู จะแตกต่างกับการเช่า Airbnb ตรงไหน นอกจากเรื่องค่าทำความสะอาด?  
 

ขณะเดียวกัน นักเดินทางที่มีเคยได้เข้าพักในหลายๆ โรงแรม ต่างเข้ามาแชร์ประสบการณ์สุดเฟลของงานบริการในโรงแรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของอาหารที่ไม่ควรเรียกว่ารูมเซอร์วิส และรสชาติที่ทำเอาหลายคนรับไม่ได้ 

ต่อมา เจ้าของโพสต์ได้อัปเดตการพูดคุยภายหลังว่า ผู้จัดการโรงแรมได้ติดต่อมาแสดงความเห็นใจหลังทราบเรื่อง โดยเสนอส่วนลด 50% สำหรับอาหารมื้อราคาแพงดังกล่าว แต่ลูกค้ารายนี้ก็ยังคงเดินหน้า รีวิวเมนูที่สั่งเป็นครั้งสุดท้าย โดยนิยามว่า "ห่วยแตก" ความสุกก็ไม่ตรง สั่งมีเดียม กลับทำเนื้อมาสุกทั้งแผ่น และมันฝรั่งทอดก็นิ่มอีก ซึ่งต่อมาพบว่าทั้งสองเมนูได้ถูกนำออกจากรายการอาหารไปแล้ว

ข้อมูลจาก New York Post