หนุ่มพลเมืองดี เก็บเงินสด 1 ล้าน ส่งตร. ตามหาเจ้าของ แต่โดนกล่าวหาเป็นขโมย
หนุ่มพลเมืองดีเป็นงง เดินกลับบ้านเจอเงินสด 1 ล้านตกอยู่บนถนน รีบเก็บส่งตำรวจตามหาเจ้าของ แต่โดนกล่าวหาว่าเป็นขโมย
กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างสนั่นหวั่นไหวในโลกออนไลน์จีน เมื่อมีรายงานเรื่องราวของพลเมืองดีรายหนึ่งเกือบพบกับความซวย หวิดเสียเงินก้อนโตจากการทำความดี แถมถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมยหลังจากที่เก็บเงินได้ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นทำให้ท้ายที่สุด เรื่องยาวไปถึงขึ้นสู่ชั้นศาล
ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นจากช่วงเย็นวันหนึ่ง นายหลี่ ที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน ทันใดนั้น เขาบังเอิญพบเงินสดมูลค่า 220,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท ตกอยู่บนถนน ด้วยความเป็นพลเมืองดี จึงรีบไปแจ้งตำรวจพร้อมขอให้ช่วยตามหาเจ้าของเงินโดยเร็ว เพื่อที่จะนำเงินส่งคืนให้ ซึ่งทางตำรวจใช้เวลาเพียงไม่นานก็พบว่าเจ้าของเงินดังกล่าว เป็นแม่ค้าที่ทำธุรกิจอยู่บริเวณใกล้เคียง
เมื่อแม่ค้าทราบว่ามีคนเจอเงิน ก็รีบมาขอบคุณนายหลี่และตั้งใจจะมอบเงินรางวัลเพื่อตอบแทนน้ำใจ แต่นายหลี่ปฏิเสธ จากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้าย ซึ่งดูเหมือนว่า เรื่องราวคล้ายจะจบลงด้วยดี แต่หลังจากนั้นนายหลี่กลับได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของเงิน อ้างว่าเงินที่เขาเก็บคืนมานั้นมียอดหายไปถึง 50,000 หยวน หรือ ราวๆ 235,000 บาท และขอให้เขาจ่ายชดเชยเงินส่วนที่หายไป
เมื่อนายหลี่ได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็กล่าวหาเขาว่าเป็นขโมย แถมยังมาเรียกร้องให้จ่ายเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เขาปฏิบัติตามกฎหมายและหลักศีลธรรม แน่นอนว่า นายหลี่ตั้งใจยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ตำรวจท้องถิ่นก็ไม่สามารถจัดการเรื่องให้ได้ ดังนั้นเขากับคู่กรณีจึงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล
"ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ผิดมากๆ ผมนึกว่าตัวเองทำสิ่งดีๆ แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้กับผม" นายหลี่ เผยอย่างเศร้าๆ
ทั้งนี้กฎหมายจีนระบุไว้ว่าบุคคลที่พบเจอทรัพย์สินที่สูญหาย ต้องนำส่งคืนเจ้าของหรือส่งให้ตำรวจ ซึ่งในจุดนี้นายหลี่ก็ปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง ด้วยการนำเงินมาให้ตำรวจช่วยหาเจ้าของทันที แต่ประเด็นอยู่ในที่ในจีนนั้น หากคนที่พบเจอทรัพย์สินไม่ได้เก็บรักษาให้ดี จนทำให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสีย พวกเขาจะต้องจ่ายเงินชดเชยแก่เจ้าของทรัพย์สินด้วย
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีของคนที่เจอสร้อยคอซึ่งเป็นของมีค่า แต่นึกว่าเป็นแค่ของปลอมเลยโยนทิ้งถังขยะไป จากนั้นเมื่อเจ้าของสร้อยเช็กกล้องวงจรปิดจนเจอตัวคนที่พบสร้อย จึงเรียกร้อยค่าเสียหายจากอีกฝ่าย ซึ่งศาลก็สั่งให้คนที่พบสร้อย ต้องจ่ายชดเชยแก่เจ้าของสร้อยตามที่ร้องขอ แต่ในเคสนี้ศาลพบว่าทางฝั่งเจ้าของเงินไม่สามารถแสดงหลักฐานใดๆ ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเงินที่หายไปนั้น มีจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่
อีกทั้งนายหลี่เองก็แจ้งตำรวจและนำเงินส่งให้ทันที ศาลจึงมีคำตัดสินให้นายหลี่เป็นฝ่ายชนะคดีไป อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ กลายมาเป็นที่สนใจของสื่อและสังคมจีนนับตั้งแต่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีชาวเน็ตมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด
ข้อมูลจาก kenh14.vn