นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหุ้นไอทีวี ว่า เรื่องหุ้นคงจะต้องรอฟังอย่างเดียวว่า กกต.จะว่าเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องภายในครอบครัวตนเองก็เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งที่ศาลอนุญาต ซึ่งการโอนหุ้นก็เช่นเดียวกับที่ชี้แจงไปคือในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก และมีเอกสารยืนยันคำสั่งศาล
และยืนยันว่า เป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียว ไม่ได้เป็นผู้รับโอน
ส่วนกรณี ที่มีข้อมูลว่า กกต. ตั้งประเด็นว่า อาจจะเข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่า มีคุณสมบัติต้องห้าม แต่ก็ยังมาลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น มองว่า เท่าที่ได้อ่านข่าวและดูโดยละเอียดไม่ได้ดูแค่พาดหัว พารากาฟสุดท้าย ระบุว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ ทางกกต.ยังจัดการเรื่องการตั้งรูปคดีอยู่ จึงต้องรอกกต.ก่อน และยังไม่ให้ความเห็นไปมากกว่านี้ได้
ส่วนเรื่องกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี คิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่าได้รับข่าวจากที่มีคนส่งมาให้ จะต้องพูดกันให้ชัด ยังไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลการฟื้นคืนชีพเรื่องทางธุรกิจหรือเรื่องทางการเมือง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะความน่าจะเป็นมีอยู่ในอนาคต จึงเป็นเหตุผลต้องมีการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
นักข่าวถามว่า ที่ยื่นชี้แจงเรื่องถือหุ้นกับ ปปช.ไปในปี 62 เป็นการจัดการตามพินัยกรรม หรือตามคำสั่งศาลนั้น นายพิธา ระบุว่า เรื่องรายละเอียดของหุ้นภายในครอบครัว ขอรอรายละเอียดจากกกต. ซึ่งมีคำตอบอยู่แล้ว