ใกล้เข้ามาแล้วกับวันที่ 13 ก.ค. 66 เวลา 09.30 น ที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี โดยที่ต้องจับตามองมากที่สุดคือ 250ส.ว. จะมีกี่เสียงที่ตัดสินใจโหวต ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยล่าสุด ส.ว.สมชาย แสวงการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ระบุ
#หลักฐานชัดเจน
#อย่าโกหกว่าแก้เพื่อปกป้อง
#ร่างกฎหมายฉบับก้าวไกล
#saveมาตรา112
หลักฐานชัดเจนว่า เหตุใดสวจึงไม่ไว้วางใจให้ก้าวไกลแก้ไขยกเลิกมาตรา112และรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้องกับชาติและสถาบันฯ
จึงต้องนำร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ที่เป็นกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยแก้ไขใหม่โดยนำมาตรา112 ออกจากหมวดความมั่นคง มาให้ดูกันจะจะอีกครั้งครับ
ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอโดยพรรคก้าวไกลเข้าสภาผู้แทนราษฏร แต่ถูกท่านประธานสภาให้ไปปรับแก้ไข แต่ไม่ยอมแก้ไขและยืนยันจะเอาเข้าสภา ให้ได้นั้น ได้แยกมาตรา112ที่ป้องไม่ให้ผู้ใดหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชชินี องค์รัชทายาท ออกจากกัน โดยลดโทษจำคุกลงเหลือแค่ไม่เกิน6เดือนไม่เกิน1ปี และปรับลดโทษลงโดยไม่ต้องรับโทษเลย หากอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือหากเป็นความจริง หรือบางมาตราก็มีตัดโทษจำคุกทิ้งหมดเหลือแค่โทษปรับเล็กน้อย เช่นมาตราที่คุ้มครองพระราชอาคันตุกะ เจ้าพนักงาน ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เป็นต้น
ลองพิจารณาอ่านรายละเอียดทุกมาตราอีกครั้ง ครับ
เพราะนอกเหนือจากที่ผมเคยแจ้งให้สาธารณชนทราบ และสว สายกฎหมายหลายคน อาทิ สว คำนูณ สิทธิสมาน สว เสรี สุวรรณภานนท์ สว ประพันธ์ คูณมี เคยอธิบายตามสื่อต่างๆตลอดเวลาว่า “เป็นอันตรายยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ “แตกต่างจากที่พวกเขาพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจบิดเบือนไปว่า “ร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา112นี้ ไม่มีอะไร เพียงแค่ทำเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ทันยุค “
ซึ่งยืนยันเองด้วยลายลักษณ์อักษรในร่างกฎหมายที่พวกเขาพยายามที่จะนำเข้าสู่สภาเพื่อแก้ไข2ครั้งและยังดำเนินการอยู่ต่อเนื่องในเวลานี้
เพื่อคนไทยเห็นและได้เข้าใจชัดเจนว่า “พวกเขากำลังคิดจะทำอะไรต่อสถาบันฯอันเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรชาวไทยครับ”
สมชาย แสวงการ
สมาชิกวุฒิสภา
6กค2566