วันนี้ (9 ก.ค. 66) ที่ประชุมประชาธิปัตย์ เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ล่ม เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม โดยมีรายงานมาจาก โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยองค์ประชุมในช่วงเช้ามีทั้งหมด 299 คน ครบตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค
ทางด้าน กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า ระหว่างประชุมนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้ที่ประชุมงดเว้นข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 37 ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในกรณีที่กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ออกไปก่อน
โดยให้เหตุผลว่า หากยังดำเนินการประชุมต่อไป ก็จะทำให้เกิดผลกระทบภายในพรรค ทำให้เกิดผู้แพ้-ผู้ชนะ แต่หากเลื่อนการประชุมออกไปก่อน ให้สมาชิกได้มีการพูดคุยกัน ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ชนะไปด้วยกัน เพื่อปูทางเป็นชัยชนะคู่แข่งทางการเมืองในอนาคต
พร้อมยืนยันว่า การเสนอให้เลื่อนการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้คำนึงถึงท่าทีรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะเป็นฝ่ายค้านแล้วจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นผู้นำพรรคอีกครั้ง เพียงแต่เห็นว่า หากมีการพูดคุยกันภายในพรรคให้ตกผลึกมากกว่านี้ ความขัดแย้งต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น และทำให้เกิดความร่วมมือกันภายในพรรคให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีการลงมติว่าจะให้งดข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ข้อดังกล่าว เพื่อเลื่อนการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกไปก่อนหรือไม่ โดยผลการลงมติปรากฏว่า สัดส่วนคะแนนมีไม่เพียงพอที่จะเลื่อนการประชุมครั้งนี้ออกไป จึงทำให้ต้องดำเนินการประชุมต่อ
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคฯ เสนอต่อที่ประชุมให้งดใช้ข้อบังคับพรรคฯ ในข้อที่ 137 ที่กำหนดน้ำหนักคะแนนในการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ 25 คน ขณะนี้ จะมีน้ำหนักคะแนนร้อยละ 70 แต่อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และอดีตหัวหน้าพรรคฯ จะมีน้ำหนักคะแนนเพียงร้อยละ 30 ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่า สัดส่วนคะแนนมีไม่เพียงพอที่จะปรับสัดส่วนน้ำหนักคะแนน จึงทำให้ผลคะแนนในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ยังต้องดำเนินการต่อไปบนสัดส่วนคะแนน 70:30
อย่างไรก็ตามการประชุมช่วงบ่าย มีการเสนอนับองค์ประชุม ซึ่งในรอบแรกสามารถนับองค์ประชุมมีเพียง 221 คน ไม่ถึง 250 คน ซึ่งไม่ครบตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทำให้ขอพักการประชุม เพื่อรอนับองค์ประชุมใหม่ในเวลา 15.00 น. ซึ่งเมื่อนับองค์ประชุมรอบสองปรากฎว่า มีผู้แสงตนเป็นองค์ประชุมเพียง 201 คน ซึ่งถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ออกไปตามข้อบังคับ