มีบ่อยครั้งที่รถเสียกลางทางในพื้นที่ไม่คุ้นชินมองไปทางไหนก็ไม่เห็นอู่แม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อก็ไม่มีเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้ใครๆก็ต้องกังวลเป็นธรรมดาว่าใครสามารถช่วยเราได้แล้วเราควรหันหน้าไปพึ่งใครยามเข้าตาจนแบบแจ้งประกันเขาจะมาหาเรามั้ยบทความนี้มีคำตอบให้คุณ
รถเสียแจ้งใครได้บ้าง
ในปัจจุบันมีหน่วยงานที่พร้อมช่วยเหลือพวกเราได้ในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะรถเสียหรือรถชนก็ตามโดยคุณสามารถติดต่อหน่วยงานต่างผ่านเบอร์โทรดังนี้
● แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191 หรือโทร. 1190
● ตำรวจทางหลวงโทร. 1193
● ตำรวจท่องเที่ยวโทร. 1155
● แจ้งเหตุโจรกรรมรถยนต์โทร. 1192
● แจ้งอุบัติเหตุบนทางหลวง โทร.1193
● ศูนย์ความปลอดภัยกรมทางหลวงชนบทโทร. โทร.1146
● สายด่วนอุบัติเหตุ โทร.02-711-9161-2
● สายด่วนรถหาย โทร.02-711-9160
● หน่วยแพทย์กู้ชีพโทร. 1154
● สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร สวพ.91 โทร. 1644
● ศูนย์ข่าววิทยุจราจร จส.100 โทร. 1137
● สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันโทร. 1677
รถเสียแจ้งประกันได้มั้ย
รถเสียกลางทางสามารถ “แจ้งประกันได้” ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้นไหนก็ตามพวกเขามีบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในด้านต่างๆที่เกี่ยวกับรถยนต์โดยส่วนใหญ่จะมีบริการเสริมดังนี้
บริการรถลาก
ในกรณีที่รถเสียขับไปไหนไม่ได้ บริษัทประกันส่วนใหญ่มีบริการรถลูกจูงหรือรถยกในสังกัดไว้คอยดูแลพวกเรา โดยจะเป็นการเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์ซ่อมหรืออู่ในเครือของประกันไม่จำกัดว่าจะเป็นพื้นที่ไหนแต่ทั้งนี้ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขในการรับบริการให้ดีเพราะบางรายมีการกำหนดระยะให้บริการ หากให้พาไปส่งในพื้นที่ห่างไกลอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างคิดตามระยะทาง
บริการพ่วงแบตเตอรี่
แบตหมดเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยเจอทางประกันมีบริการพ่วงแบตเตอรี่โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่หรือช่างจากอู่ในเครือมาช่วยเหลือเราแต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าประกันบริการให้แค่พ่วงแบตเท่านั้นไม่สามารถเคลมแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้เราได้และบางรายอาจมีค่าใช้จ่ายเรียกใช้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย
บริการเปลี่ยนยางอะไหล่
ยางรั่วยางแตกยางระเบิดประกันก็สามารถส่งคนมาช่วยเราได้เช่นกันเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ถนัดในการเปลี่ยนยางอะไหล่ถ้าให้ฝืนขับต่อก็คงไม่ดีแน่ๆดังนั้นโทรเรียกประกันมาช่วยเรายังไงก้อุ่นใจกว่าแน่นอน
บริการเติมน้ำมัน
ขับจนน้ำมันหมดมีอยู่จริงเคสนี้ประกันช่วยเราได้แต่พวกเขาจะนำน้ำมันมาบริการให้เราไม่เกิน 5 ลิตรเท่านั้นซึ่งเป็นปริมาณที่พอที่จะขับไปหาปั๊มน้ำมันต่อไปแต่ถ้าหากคุณต้องการมากกว่านั้นก็จะมีค่าบริการเพิ่มเติม
แม้ว่าเราจะมีประกันรถชั้น 1หรือชั้นไหนๆสิ่งที่เจ้าของรถควรทำคือการตรวจเช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้นก่อนขับออกจากบ้านทุกครั้งเช่นดูหน้ายางรถยนต์มีอะไรผิดปกติมั้ยดูสีตาแมวบนแบตเตอรี่เช็กระดับน้ำมันในถังและดูไฟเตือนที่ขึ้นโชว์บนหน้าปัดหากเช็กจนครบพร้อมกับขับรถอย่างระมัดระวังก็จะทำให้คุณขับรถไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย