กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมมือกับ POP MART จัดกิจกรรม Welcome Ceremony of LABUBU เตรียมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทยจีนครบ 50 ปี ภายใต้โครงการ “ลาบูบู้เที่ยวไทย” ต้อนรับมาสคอตลาบูบู้จากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เพื่อจัดทำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์เที่ยวไทยตามรอยลาบูบู้
โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ,นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. , พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิภูมิ นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจ คาร์ด จำกัด Mr. Qian Daizhe Vice President บริษัท Travel & Leisure Business of Qunar.com และ Ms.Chen Xiaoyun Vice President บริษัท Pop Mart International Group ร่วมให้การต้อนรับ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีมาตรการกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังประเทศไทย สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่เตรียมอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Ease of Traveling) ด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราแก่ผู้ที่เดินทางจาก 93 ประเทศ/ดินแดน สามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน
ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ ททท. ได้ทำงานร่วมกับ POP MART เพื่อจัดกิจกรรม Welcome Ceremony of LABUBU ในครั้งนี้
โดยให้มาสคอตลาบูบู้สวมใส่ชุดไทย สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในสถานที่อันสวยงาม ชิมอาหารไทยเลิศรส พร้อมทั้งเรียนรู้วัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษ และขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวจีนได้ออกเดินทางท่องเที่ยวตามรอยลาบูบู้ในประเทศไทย
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ร่วมกับ POP MART ดึงกระแส Pop Culture มาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาด จัดกิจกรรม Welcome Ceremony of LABUBU ภายใต้โครงการ“ลาบูบู้เที่ยวไทย” ต้อนรับมาสคอตลาบูบู้ในการเดินทางมายังประเทศไทยซึ่งนับเป็นการมาเยือนประเทศไทยครั้งแรก เพื่อเป็นสื่อกลางในการเตรียมเฉลิมฉลองครบวาระความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 50 ปี
โดยนำเสนอผ่านแนวคิด POPMART LABUBU X TAT IGNITE THAILAND ชูจุดเด่นในพื้นที่สู่จุดขายเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยลาบูบู้ตามกลยุทธ์ “5 Must Do in Thailand” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ Must Eat อาหารไทย Must See โชว์ไทย Must Seek วัฒนธรรมไทย MUST Buy ผ้าไทย และ MUST Beat มวยไทย โดยให้ลาบูบู้เป็นเสมือนตัวแทนในการถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ รวมถึงช่วยบอกต่อและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการออกเดินทางท่องเที่ยว
กิจกรรม Welcome Ceremony of LABUBU จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 กรกฎาคม 2567 โดยวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มาสคอตลาบูบู้เดินทางออกจากกรุงปักกิ่ง ด้วยสายการบิน Hainan Airlines เที่ยวบิน HU429 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เวลา 12.20 น. ซึ่ง ททท. เตรียมพร้อมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยการจัดการแสดงหุ่นละครเล็ก และมอบตำแหน่ง “Amazing Thailand Experience Explorer” ให้แก่มาสคอตลาบูบู้
ซึ่งในวันที่ 2 – 4 กรกฎาคม 2567 มาสคอตลาบูบู้จะแต่งกายด้วยชุดไทยพร้อมออกเดินทางถ่ายทำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนตามโปรแกรมการท่องเที่ยว “5 Must Do in Thailand” ที่ ททท. ได้จัดโปรแกรมในสถานที่ต่าง ๆ ไว้ อาทิ รับประทานอาหารซีฟู้ดสดใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ร้าน Horsamut Restaurant นั่งรถตุ๊กตุ๊ก EV เที่ยวชมความสวยงามบริเวณวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง
-นวดไทยที่วัดโพธิ์ เดินเล่นแหล่งช้อปปิงยอดนิยมอย่างสยามดิสคัฟเวอรี่และสยามสแควร์ ซื้อของที่ระลึกผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนไทย
-ชมศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยที่สนามมวยลุมพินี เป็นต้น โดยภายหลังการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คลิปวิดีโอ ททท. เตรียมต่อยอดทางการตลาดด้วยการร่วมมือกับ Qunar.com ซึ่งเป็น Online Travel Agency (OTAs) ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแพ็กเกจให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในเส้นทางกรุงเทพมหานคร และพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน - 1 กันยายน 2567 ซึ่งตรงกับช่วงฤดูร้อนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่าการบูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะสร้างการรับรู้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านคน - ครั้ง และสามารถเสนอขายแพ็กเกจเดินทางมาประเทศไทยได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 Pax