ปลดฟ้าผ่า "พนง. 3,000 คน" ตกใจเข่าแทบทรุด บริษัทไม่แจ้งล่วงหน้า

โลกออนไลน์มีการเปิดเผยคลิปของ วิชาล การ์ก ซีอีโอของ Better.com บริษัทด้านสินเชื่อจำนองออนไลน์ ประกาศปลดฟ้าผ่าพนักงาน 900 คน ผ่านการประชุมทางโปรแกรม Zoom กลายเป็นข่าวช็อกก่อนวันคริสต์มาส จนพนักงานที่รู้ข่าวแบบกะทันหันด่าแรงไปตามๆ กัน

ล่าสุด มีรายงานอ้างอิงข้อมูลจาก TechCrunch ชี้ว่าหลังจากการเลย์ออฟสุดช็อกนั้นเพียง 3 เดือน เหล่าพนักงานของบริษัท Better.com ก็มีอันต้องช็อกหนักอีกครั้งเมื่อจู่ๆ ก็ได้รู้ข่าวว่าตัวเองถูกเลิกจ้าง จากการได้เห็นเงินชดเชยถูกโอนเข้ามายังบัญชีเงินเดือนของพวกเขา ก่อนที่บริษัทจะมีการประกาศเรื่องการเลิกจ้างอย่างเป็นทางการ 

วิชาล การ์ก CEO ของ Better.com

ตามรายงานระบุว่า การปลดพนักงานรอบนี้ควรจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มีนาคม แต่พนักงานรายหนึ่งชี้ว่า ทางบริษัทบังเอิญทำการโอนเงินชดเชยเข้าบัญชีของคนที่ถูกเลิกจ้างเร็วเกินไป ทำให้พนักงานที่ได้รับผลกระทบทราบข่าวร้ายแบบกะทันหัน ชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว 

พนักงานที่ได้รับผลกระทบเล่าให้ฟังว่า "การเลย์ออฟของ Better.com เริ่มขึ้นแล้ว มีเงินชดเชยจากการเลิกจ้างโชว์ให้เห็นในแอปฯ Workday ซึ่งเป็นบัญชีเงินเดือนของพวกเรา ตอนเวลาเที่ยงคืนในเขตเวลาต่างๆ โดยที่ไม่มีอีเมล ไม่มีสายโทรศัพท์ใด ๆ จากทางบริษัท นี่มันเป็นการจัดการที่น่ารังเกียจมาก" 

-เคล็ดลับขับรถยนต์เกียร์ออโต้ให้ประหยัดน้ำมันแบบสุดคุ้ม
-9 ปัญหาสุขภาพ ที่มีผลต่อการขับรถยนต์ และอาจจะส่งให้เกิดอุบัติเหตุได้
-สธ. เปิด ผลรักษาผู้ป่วย กทม. "เจอ แจก จบ" รพ. 14 จังหวัด รักษาแล้วเกือบ 8,000 คน

นอกจกานี้ พนักงานที่ได้รับผลกระทบคนดังกล่าวยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทางพวกผู้บริษัทยังคงเงียบกริบ ไม่เคยแจ้งให้พวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับการเลิกจ้างเลยสักนิด 

ก่อนหน้านี้โฆษกของ Better.com ได้ยืนยันว่ามีพนักงานของบริษัทประมาณ 3,000 คน จาก 8,000 คน ที่ถูกปลดออกจากงานในการเลย์ออฟรอบนี้ พร้อมเผยแถลงการณ์จาก เควิน ไรอัน ผู้บริหารสูงสุดทางด้านการเงินของบริษัท ระบุว่า ทางบริษัทต้องผ่านขั้นตอนที่ยากลำบากในการปรับปรุงการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น และมีการลดจำนวนพนักงานลงทั้งในสหรัฐฯ และอินเดีย 
 

อย่างไรก็ตาม ด้าน Better.com ยืนยันว่า มีพนักงานจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ทราบข่าวร้ายในรูปแบบดังกล่าว และทางบริษัทจะมีการโทร. แจ้งพนักงานที่ได้รับผลกระทบเป็นรายบุคคลต่อไป 

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่สตาร์, CNN