ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีรายงานจากกรณีพ่อร้องสื่อขอความช่วยเหลือ ลูกชาย 10 ขวบตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกหลอกโอนเงินกว่า 1.2 ล้านบาท ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยโอนเงินจากบัญชีไปให้รวม 65 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 7 - 25 ก.ค. 65 เป็นเงินกว่า 1,206,000 บาทเลยทีเดียว
ล่าสุดความจริงเปิดเผย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการเชิญนายณรงค์ฤทธิ์ และลูกชายมาสอบถามรายละเอียดและตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า การทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการทำธุรกรรมโดยเจ้าของบัญชีเอง ซึ่งบุตรชายอาจเป็นผู้ดำเนินการเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และนายฤรงค์ฤทธิ์ ไม่ทราบถึงรายละเอียดขั้นตอนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยขั้นตอนจะต้องมีการยืนยันตัวตนโดยการถ่ายภาพใบหน้าของนายฤรงค์ฤทธิ์ เพื่อยืนยันข้อมูลในการสมัครเข้าใช้งาน
ซึ่งในการชำระค่าสินค้าเกี่ยวกับเกมส์ออนไลน์ที่ตรวจพบ แบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ
1.เป็นการทำธุรกรรมทางด้านการเติมเงินเพื่อใช้ซื้อ Item เกมส์
2.เป็นการทำธุรกรรมทางด้านการสนับสนุนผู้ทำ Content ผ่านช่องทาง YouTube
ทำธุรกรรมแต่ละครั้งเป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์ 2 เครื่องด้วยกัน คือ 1.อุปกรณ์ Tablet ยี่ห้อ Lenovo รุ่น Tab MB 2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO รุ่น A74 5G ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของนายฤรงค์ฤทธิ์ ที่ได้มอบให้บุตรชายไว้ใช้งาน และจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว พบว่ามีการใช้งานกับกระเป๋า E-wallet และแอปพลิเคชั่น Mobile banking ซึ่งผูกบัญชีไว้ด้วยกัน
ซึ่งตอนนี้ตำรวจได้อธิบายให้พ่อเข้าใจแล้วว่าลูกชาย 10 ขวบ ไม่ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก แต่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของลูกชายในการใช้บริการอินเตอร์เน็ตและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ขอบคุณ Nation Online
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews