เป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ จากกรณีที่ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ลงในกลุ่ม งูไทยอะไรก็ได้ all about Thailand snakes ถึงเรื่องที่ตนเองภรรยาของตนเองนั้นโดนงูกัด แล้วได้พาไปโรงพยาบาลพร้อมงูตัวดังกล่าว ระบุว่า "สอบถามพี่ๆ ในกลุ่มครับ ลูกเห่าใช่มั้ยครับ ภรรยาถูกกัด ผมพาไปโรงพยาบาล พร้อมกับจับใส่ขวดไป แต่ตอนอยู่โรงพยาบาลมันไม่แผ่แม่เบี้ย หมอไม่เห็นดอกจัน หมอว่าไม่มีพิษ ให้ยาแก้ปวดกลับบ้านได้ ไม่สบายใจเลยครับ ลูกงูพิษจะรุนแรงถึงเสียชีวิตมั้ยครับ รบกวนพี่ๆ ชี้แนะครับ"
และจากโพสต์ดังกล่าว สมาชิกในกลุ่มก็มาตอบว่า งูตัวดังกล่าวเป็น "ลูกงูเห่า" ซึ่งมีพิษและอันตราย ทางหมอควรตรวจสอบให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ซึ่งต่อมา ผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว ก็ได้เผยความคืบหน้า ระบุว่า "จากเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผมโพสต์ถามสมาชิกเรื่องงูเห่า สรุปเป็นลูกงูเห่าจริงนะครับ รพ.อำเภอ หมอแจ้งว่าไม่มีพิษ เพราะมันไม่แผ่แม่เบี้ย และไม่เห็นสัญลักษณ์หลังคอ และไม่ได้บอกว่าเป็นงูชนิดใด แฟนผมปวดมาก หมอจึงฉีดยาชาให้ กับให้ยาแก้ปวด และรอรับยากลับบ้านได้ ก่อนออกโรงพยาบาลผมจึงโพสต์ถามในกลุ่ม ได้รับคำยืนยันจากหลายท่านว่างูเห่า แฟนผมมีอาการอ่อนเพลียและง่วงมาก จึงรีบเข้า รพ.จังหวัด โดยนำน้องงูมาด้วย น้องโชว์แม่เบี้ยเต็มที่เลยครับ ตอนนี้ได้เซรุ่ม admit ปวดแผลบ้าง มีไข้เล็กน้อย อาการเป็นปกติดีครับ ต้องขอบคุณทุกคอมเมนต์ และกลุ่มงูไทยฯที่ให้ความรู้ดีๆ รู้จักงูแต่ละชนิด ผมอยากให้เป็นเคสตัวอย่างครับ อย่าประมาท ข้อผิดพลาดบางอย่างอาจจะถึงชีวิตได้เลยนะครับ ขอบคุณกลุ่มงูไทยฯ อีกครั้งครับ"
ทางด้าน อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เผยผ่านเพจ อ๋อ1เป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า "จริงๆเคสนี้ก็ดูยากนะครับ เพราะงูมันตัวเล็ก ระดับ "ลูกงูเห่า" ทำให้การสังเกตชนิดทำได้ยาก รอยที่ถูกกัด (ซึ่งปกติจะดูว่ามีรอยเขี้ยวคู่ ฝังลงไปหรือเปล่า) ก็น่าจะสังเกตได้ยากเช่นกัน ต้องถือว่าคนไข้โชคดีมาก ที่ตอนหลังมันยอมแผ่แม่เบี้ยออกมาให้ดู เลยทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นงูพิษอันตราย และก็เป็นอุทาหรณ์กับทางฝั่งการแพทย์ด้วย ที่น่าจะต้องใช้เวลาในการสังเกตลักษณะของงู ให้มั่นใจขึ้นว่ามันมีพิษหรือไม่ครับ"