นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าในช่วงหน้าฝนประชาชนควรจัดสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและบริเวณรอบบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่รกรุงรัง เพื่อป้องกันแมลง และสัตว์มีพิษที่พบบ่อย 4 ชนิดได้แก่
1) งู มักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้นแฉะ รก และมีแหล่งอาหาร เช่นหนู โดยให้สำรวจบริเวณรอบบ้านปิดช่องทางที่หนูและงูสามารถเข้ามาได้รวมทั้งตรวจสอบระบบท่อไม่ให้มีรูรั่วหรือรอยแตก ควรตรวจสอบรองเท้าก่อนใส่ เนื่องจากงูอาจหลบซ่อนอยู่ หากพบงูอยู่ในบ้านให้โทร 199 เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการกรณีถูกงูกัดให้ปฐมพยาบาลโดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ห้ามกรีดหรือดูดบริเวณที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที และจดจำลักษณะงูที่กัดเพื่อแจ้งแพทย์ให้การรักษาที่ถูกต้อง
2) ตะขาบ เมื่อโดนกัดจะมีอาการปวด คัน บวมแดงบริเวณที่ถูกกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด และประคบน้ำอุ่นครั้งละประมาณ 10 นาทีเพื่อลดอาการบวมหลีกเลี่ยงการเกา แกะบริเวณที่ถูกกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อหากพบว่ามีอาการบวมหรือปวดเพิ่มขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์
3) แมงป่อง ผู้ที่ถูกแมงป่องต่อย จะปวดบวมบริเวณที่ถูกต่อย โดยมากจะมีอาการในวันแรกและมักหายได้เองส่วนรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีหัวใจเต้นเร็วหายใจเร็ว ความดันโลหิตสูง ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก ปฐมพยาบาลโดยทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาดและประคบเย็นครั้งละประมาณ10 นาที เพื่อลดอาการบวม
4) แมลงก้นกระดก ที่มีลำตัวเป็นปล้องๆ มีสีดำสลับสีแดงหรือสีแดงอมส้ม ห้ามตีหรือขยี้ด้วยมือเปล่า ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษเขี่ยแมลงออกไปหากสัมผัสโดนตัวแมลง พิษของมันจะทำให้ปวดแสบปวดร้อน มีอาการคัน ผิวไหม้ ผื่นแดง และเป็นตุ่มน้ำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ จุ่มหรือแช่บริเวณที่โดนแมลงในน้ำเย็น 5-10 นาที สลับกับการเป่าให้แห้งหากมีอาการอักเสบรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ วิธีการป้องกันคือ ดูและและหมั่นทำความสะอาดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ให้มีมุมอับชื้นหรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของแมลง สัตว์มีพิษ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และทิ้งขยะหรือเศษอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์ส่วนบริเวณภายนอกบ้านควรปรับปรุงให้โล่งเตียน หากมีการปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ควรตัดแต่งไม่ให้รกรุงรังพร้อมกับกำจัดเศษใบไม้ใบหญ้าทุกครั้งไม่ควรกองทิ้งไว้เพราะจะทำให้เป็นที่อาศัยของสัตว์มีพิษได้