เป็นอีกหนึ่งคดีที่สะเทือนใจไม่น้อย เมื่อมีรายงานจากครอบครัวหนึ่งที่อาศัยในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน ว่าอยู่ๆ วันหนึ่ง พ่อและแม่เพิ่งได้ทราบความจริงเกี่ยวกับลูกชายของพวกเขา ภายหลังจาก 19 ปีที่ผ่านมา ต่างเข้าใจว่าลูกชายออกจากบ้านไปทำงาน คิดว่ายุ่งมาก จึงไม่ได้ติดต่อกลับมา แต่ปรากฏว่า เขาอยู่ที่หลังบ้านมาตลอด แต่..ในสภาพที่ไร้วิญญาณ
โดยพวกเขาเล่าว่า ภรรยาของลูกชายคนนี้ มีนิสัยเย่อหยิ่งและชอบบงการชีวิตของฝ่ายชาย หลังจากแต่งงานไป เธอได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวโมโหร้าย มักจะดุด่าและตบตีสามีบ่อยครั้ง จนต่อมาทั้งสองก็ทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น และเริ่มแยกกันอยู่
ต่อมาในปี 2539 เมื่อพ่อและแม่ไปเยี่ยมลูกชายที่บ้าน แต่ลูกสะใภ้บอกว่า เขาไปทำงานที่อื่นเพราะทะเลาะกัน แม้ว่าพ่อและแม่จะยังมีความสงสัยในใจ แต่ก็คิดว่าไม่มีอะไรร้ายแรง แต่หลังจากนั้น ลูกชายคนนี้ก็ไม่เคยกลับมาบ้าน หรือได้ยินข่าวใดๆ จากเขา จนเวลาผ่านไปยาวนานถึง 19 ปี
ขณะที่ พ่อและแม่พยายามทำใจเรื่อยมา ด้วยความเข้าใจว่าลูกชายคงจะยุ่งมาก หรืออยากไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ จนวันหนึ่งในปี 2558 พ่อและแม่ได้ไปที่บ้านหลังเก่าที่ลูกชายเคยอยู่กับภรรยา เพื่อจะซ่อมแซมบ้าน แต่แล้วกลับต้องตกใจสุดชีวิต เมื่อขุดพบโครงกระดูกที่สวนหลังบ้าน พวกเขากลัวมาก จึงรีบแจ้งตำรวจทันที
หลังจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่ได้เข้ามาดำเนินการ ก็สามารถระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตได้ และยืนยันว่า เจ้าของโครงกระดูกที่พบนั้น คือ ลูกชายคนเล็กของครอบครัวนี้ และแน่นอนว่า ผู้ต้องสงสัยมากที่สุดคือ ลูกสะใภ้ของพวกเขา ซึ่งในระหว่างการสอบสวน ตอนแรกภรรยาของผู้เสียชีวิตอ้างว่า เธอไม่รู้เรื่อง แต่เธอพูดกลับไปกลับมา จึงจับได้ว่าเธอโกหก จนสุดท้ายเมื่อทนรับแรงกดันไม่ไหว เธอก็ยอมสารภาพผิดในที่สุด
ตามข้อมูลระบุว่า เธอสารภาพเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เริ่มต้นที่ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง เธอโดนสามีทำร้าย และด้วยความโกรธจึงใช้เชือกทำร้ายเขาจนหมดลมหายใจ ก่อนจะนำศพไปฝังไว้ที่สวนหลังบ้าน และอ้างว่า สามีออกไปทำงาน ซึ่งเมื่อความจริงของคดีถูกเปิดเผย ภรรยาหลั่งน้ำตาด้วยความสำนึกผิดและยอมรับว่า เธอเสียใจ
"ฉันเสียใจจริงๆ ในตอนนั้น" เธอระบุ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ก็กลายเป็นประเด็นที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนวงกว้าง การแต่งงานที่คิดว่าจะลงเอยอย่างมีความสุข สุดท้ายกลับจบลงอย่างน่าเศร้าและสูญเสีย
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews