จากกรณีที่ลูกค้ารายหนึ่งโพสต์ในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค หลังได้ของแถมจากกาแฟร้านดังที่สำคัญดูดไปแล้วอึกใหญ่ๆ ภาวนาอย่างเดียวขออย่าให้เป็นของที่ใช้แล้ว ตอนแรกโดนชาวเน็ตจับผิดว่าสร้างเรื่อง ก่อนเจ้าของโพสต์ออกมาโต้กลับว่าทางร้านดูกล้องวงจรปิดและโทรกลับมาขอโทษแล้ว
โดยผู้โพสต์ได้โพสต์ภาพแก้วกาแฟในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ซึ่งภายในแก้วมีทิชชู่อยู่ข้างใน งานนี้ทำเอาช็อก ไม่คิดไม่ฝันจะเจอกับตัว "เจอทิชชู่ในแก้วกาแฟ"
ทว่าชาวเน็ตหลายคนบอกว่าไม่เชื่อเพราะแก้วก็ใส อย่างไรก็ต้องเห็น
"ไม่น่าจะขนาดนั้น ตอนตักน้ำแข็งใส่น่าจะรู้นะ"
"น่าจะเห็นตั้งแต่ถือออกร้านแล้วมั้ง" เจ้าของโพสต์เข้ามาชี้แจงว่า "ไม่เห็นค่า ตอนได้รับพันทิชชู่มาด้วย รู้อีกทีตอนดื่มไปแล้ว"
และยังมีคนเข้ามาตั้งข้อสงสัยว่า "คนทำยังไงก็ต้องเห็นนะ ใหญ่ขนาดนั้นนนน" ผู้โพสต์ตอบว่า "ตอนทำพนักงานไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ค่า" และมีชาวเน็ตอีกท่านเข้ามาช่วยอธิบายว่า "จากใจพนักงานที่เคยทำพลาดแบบนี้ ไม่เห็นนะคะเอาจริง เพราะพันแก้วซ้อนๆไว้เป็นแถวๆ บ้างทีออเดอร์เยอะหยิบตักเลยไม่ได้ดู จนลูกค้าเดินมาบอกว่ามีทิชชู่ในแก้ว รีบขอโทษ รีบเปลี่ยนแก้ว รีบทำทุกอย่างเลย ดีที่ลูกค้าไม่เอาเรื่อง พลาดมากจริงๆค่ะ"
ชาวเน็ตอีกคนเข้ามาคอมเมนต์ว่า "เราว่าไม่น่าใช่นะ!!! แก้วใส ใส่น้ำแข็งก็ต้องเห็น ตอนเทกาแฟก็คงไม่ได้หลับตาเทมั้ง ต่อให้พันทิชชู่ตอนเสิร์ฟ ตอนดูด ตอนคน มันก็ต้องเห็นนะเพราะสีต่างกันชัดเจน "ถ้าแกล้ง" เราคงไม่เอาชื่อเสียงร้านและหน้าที่การงานของเรา ไปแลกกับทิชชู่แค่แผ่นเดียวลงในแก้ว (เดี๋ยวนี้ทำคอนเท้นกันเยอะ)
ต่อให้ทางร้านจะออกมาขอโทษ แต่ก็ควรจะขอดูกล้องว่ามันพลาดยังไง (เพราะพนักงานยังๆก็ต้องขอโทษลูกค้าไว้ก่อนอยู่แล้ว) แต่เพื่อความชัวร์ว่าร้านผิดจริงๆ และถ้าคุณจะฟ้องขอให้มีหลักฐานจากกล้องค่ะ เราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไปพลาดขั้นตอนไหน ปล. คิดตามความเห็นส่วนตัวและความจะเป็นไปได้"
เจ้าของโพสต์ก็เข้ามาชี้แจงอย่างละเอียดว่า "พนักงานพันแก้วไว้ก่อนค่ะ และซ้อนแก้วกัน ตอนพนักงานทำ พนักงานไม่ได้สังเกตุเลยค่ะ(พนักงานไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่) ตอนดูด ตอนคน ตอนแรกก็งงๆอยู่ค่ะ เลยแกะทิชชู่ที่พันรอบแก้วออกมาดูเลยเจอทิชชู่ด้านใน ประสบการณ์นี้ เจอกับตัวจริงๆ ไม่คอนเทนต์นะคะ และมีการแจ้งร้านให้ไปดูกล้องแล้ว ที่ร้านโทรมายอมรับผิดแล้วเรียบร้อยค่ะ #ไม่ได้สร้างคอนเทนต์ค่า ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ"
ขอบคุณ พวกเราคือผู้บริโภค
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews