จากกรณีข่าวดังเมื่อปีที่แล้วหากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 64 นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส วัย 22 ปี ขับรถมาหาแฟนสาวที่บ้านในเขตบางแค แล้วเกิดมีการขับรถปาดแซงกันบนถนน ต่อมาก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่น 6 คน ยกพวกมาหาเรื่องขว้างปาสิ่งของเข้าบ้านที่บาสและแฟนสาวอยู่ ทางด้านบาสหยิบมีดสปาต้าและมีดปลายแหลมออกมาต่อสู้ จนทำให้ทางทางแก๊งวัยรุ่นที่มาหาเรื่องมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย
โดยศาลอาญาธนบุรี นัดฟังคำพิพากษาในคดี อ.4/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรียื่นฟ้องนายณัฐวุฒิ หรือ บาส มีดคู่ อายุ 22 ปี ในความผิดต่อชีวิต, ความผิดต่อร่างกาย และคดีลหุโทษ โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 13 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องที่ 1 เป็นเงินจำนวน 27,666.66 บาท และจำนวน 166,666.66 บาทต่อมา จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ได้
ล่าสุด "แม่ บาส มีดคู่" ร่ำไห้ หลังลูกชายเกาะกรงร้องให้ช่วย แต่ไม่มีเงินประกันตัว โดย นางศิริวัศยา อ่วมประเสริฐ อายุ 45 ปี ผู้เป็นแม่ ของ นายณัฐวุติ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส มีดคู่ อายุ 22 ปี เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีทั้งน้ำตาว่า วันนี้ศาลนัดมาฟังคำตัดสิน หลังจากตนได้ยินว่าลูกต้องติดคุก 13 ปี 6 เดือน ตนน้ำตาไหลออกมาเลยเพราะเวลาเยอะเกินไป ตนไม่คิดเลยว่าจะเกิน 10 ปี เห็นอีกทีเจ้าหน้าที่ก็ใส่กุญเเจมือลูกเเล้ว หลังจากนั้นตนเองก็ยื่นประกันตัวลูกชายไปเเต่ต้องใช้วงเงิน 250,000 บาท ซึ่งตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น เเต่ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินเอาตนเครียดมาก
โดย "แม่ บาส มีดคู่" เล่าลูกชายก็ได้บอกกับตนว่า “เเม่หาเงินมาช่วยประกันหนูหน่อยนะ เดี๋ยวหนูออกมา เดี๋ยวหนูช่วยเเม่ใช้หนี้ หนูไม่มีใครเเล้ว เเม่ต้องช่วยหนูนะ” ตนก็สัญญากับลูกไว้ “เดี๋ยวเเม่จะไปหากู้ยืมเงินเขามาช่วยหนูนะ รอหน่อย 1-2 วัน เเต่ยังไงก็ตามเเม่จะหาเงินมาช่วย” ส่วนเรื่องเงินสินไหมที่จะต้องให้กับทางครอบครัวผู้เสียหายนั้น ตนคิดไว้ว่าหลังจากนี้หากมีอะไรก็จะเอาไปขาย ไม่พอก็จะกู้เงินเอา
ซึ่งตอนลูกชายขึ้นรถไปแล้ว ก็ตะโกนบอกตนว่า “เเม่ช่วยหนูด้วยนะ หนูอยากออกข้างนอก” ตนยืนส่งลูกทั้งน้ำตาเพราะสงสารลูกมาก ตอนนี้ตนพูดไม่ออกมันจุกไปหมด วันนี้ไม่มีใครมาช่วยเหลือเลย ตนขอกลับไปหาเงินช่วยลูกเองก็ได้ เเต่อย่างไรก็ตามตนก็อยากจะให้มีคนมาช่วยเหลือ เพราะไม่อยากให้ลูกต้องติดคุก
ขอบคุณทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์ทีวี
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews