ฉาวสนั่นเมืองตรังระทึกกลางดึก เมื่อ ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับรายงานว่า รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ภายในสถานบันเทิง คันทรี่โฮม บนถนนพัทลุง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง (บริเวณถนนทางเข้า บขส.ตรัง) หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับขั้น
ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาว์ดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.เมธี ภิญโญประการ รองผกก.(สืบสวน) พ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม รอง ผกก.(สอบสวน) กำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง ชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง แพทย์เวร รพ.ตรัง หน่วยกู้ชีพ รพ.ตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
ตำรวจหน่วยสวาทยิงนักเที่ยว โดยในที่เกิดเหตุ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ พบลูกค้าจำนวนมาก รวมทั้งพนักงานในร้าน ต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนบริเวณพื้นภายในร้านใกล้กับโต๊ะ พบร่างของ นายจิตกรอายุ 32 ปี ชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นคนสนิทนักการเมืองท้องถิ่น และบุคคลมีชื่อเสียงของ จ.ตรัง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่หลังศีรษะจำนวน 2 นัดกระสุนทะลุปาก สะบักหลังซ้าย 3 นัด ชายโครงขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 3 นัด รวม 9 นัด สภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือด
ส่วนผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายเอกพจน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนจากปืนกระบอกเดียวกันเข้าที่สะโพกซ้าย 1 นัด ข้อเท้าซ้าย 1 นัด และผู้บาดเจ็บไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ถูกลูกหลงคมกระสุนเจาะเข้าบริเวณข้อซอกซ้าย 1 นัด ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย เร่งช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บ ส่งรักษาตัวที่ รพ.ตรัง
นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 11 ปลอกตกอยู่บนพื้น หัวกระสุนจำนวน 1 หัว และลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ใช้งานอีก 1 นัด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทางการ์ดของร้าน แย่งจากคนร้ายไว้ได้ เป็นอาวุธปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ภายในแม็กกาซีนยังบรรจุลูกกระสุนหลงเหลืออยู่จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน ท่ามกลางบรรดาญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่เกิด
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตเดินทางมานั่งดื่มกินกันช่วงเที่ยงคืน จำนวน 3 คน ที่โต๊ะหมายเลข 20 โดยมีผู้เสียชีวิต และนายเอกพจน์ (ผู้บาดเจ็บ) และนายวุฒิชัย ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ปฎิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง มานั่งดื่มกินพร้อมกับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจด้วยกัน รวม 2 คน ที่โต๊ะหมายเลข 23
ตามรายงานระบุอีกว่า ตำรวจทั้ง 2 ราย เป็นอดีตการ์ดของทางร้าน เพิ่งลาออกจากร้านไปได้ประมาณ 1 เดือน มานั่งดื่มกินกันช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทำให้การ์ดของทางร้านได้เข้าตะครุบตัวผู้ก่อเหตุ จนยื้อแย่งอาวุธปืนจากมือยิงมาได้ ก่อนที่มือยิงและเพื่อนตำรวจด้วยกันวิ่งออกจากร้านและขับรถหลบหนีไป โดยที่ทั้งสองฝ่ายเป็นลูกค้าประจำของทางร้าน
ด้านพนักงานเสิร์ฟของร้าน เล่าว่า ตำรวจทั้ง 2 นายมานั่งดื่มกินและเมาหนักมาก คาดว่าดื่มกินมาจากที่อื่นแล้ว ก่อนที่ตร.มือยิงจะถีบเก้าอี้กระเด็นไปโดนผู้เสียชีวิต ทำให้ผู้เสียชีวิตโมโห ลุกขึ้นไปผลักมือยิง ก่อนผู้เสียชีวิตจะเดินขึ้นมาทางบันไดชั้น 2 ระหว่างนั้นมือยิงชักอาวุธปืน เดินตามประกบหลัง และยิงใส่จากด้านหลังในทันที หลังจากนั้นเพื่อนของผู้เสียชีวิตเดินขึ้นจากโต๊ะไปช่วย ทำให้โดนยิงไปด้วย ซึ่งช่วงเกิดเหตุมีลูกค้านั่งกันประมาณ 20 โต๊ะ
ส่วน นายวุฒิชัย เพื่อนที่มาด้วยกันกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครกันมาก่อน มานั่งดื่มกินกันปกติ ตอนเกิดเหตุตนเองเต้นอยู่ห่างจากโต๊ะ มารู้อีกทีก็ได้ยินเสียงปืน และเห็นผู้ก่อเหตุเดินมาไล่ยิงเพื่อนตนแล้ว
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาว์ดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง ระบุว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 ทุ่ม ได้สั่งการให้ทางตำรวจ สภ.เมืองตรัง เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยตามปกติในประจำทุกวัน และเตรียมที่จะออกตรวจอีกครั้งในช่วงร้านปิดให้บริการ แต่ปรากฏว่าได้เกิดเหตุดังกล่าวก่อน ที่ผ่านมาทางตำรวจได้ปฏิบิติหน้าที่อย่างเคร่งครัดมาตลอด และหลังจากนี้จะกำชับดูแลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวพยาน ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิต และพนักงานเสิร์ฟของร้านทั้งหมดจำนวน 7 ปากไปสอบปากคำ เบื้องต้นให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันและเป็นประโยชน์กับทางคดี ส่วนปมสาเหตุคาดว่ามาจากมีเรื่องเขม่นกันภายในร้าน แต่ยังคงไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ทิ้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ตำรวจผู้ก่อเหตุยังหลบหนี ทางกำลังตำรวจ ได้จัดชุดไล่ล่าตัวอย่างเร่งด่วนแล้ว
ขอบคุณภาพจาก สจ.วิรัตน์ รักนาย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews