กลายเป็นเรื่องราวสุดเศร้าที่บีบหัวใจเป็นแม่ที่สุด เมื่อมีรายงานเหตุสลดว่า หนูน้อยวัย 10 วันเสียชีวิตกะทันหัน ในบ้านหลังหนึ่งใน ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง จึงรุดเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งในที่เกิดเหตุพบ ร่างของ ทารกน้อยคนดังกล่าว นอนอยู่บนเตียง ท่ามกลางความโศรกเศร้าของญาติๆ
ด้านแพทย์และพยาบาลได้ทำการตรวจร่างกายของ หญิงสาวอายุ 24 ปี ผู้เป็นแม่ และพบว่าร่างกายของเธอปกติ หลังจากนั้น แม่ของหนูน้อยคนดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า เธอมีลูก 2 คน คนแรกอายุ 4 ขวบ และลูกสาวคนที่สองที่เสียชีวิต เพิ่งคลอดได้ 10 วัน ซึ่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ตนและครอบครัวได้ไปส่งสามีขึ้นรถเพื่อไปเกณฑ์ทหารที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงกลับมาที่บ้านพร้อมกับน้องเอและนำลูกไปอาบน้ำ
ระหว่างนั้นเธอรู้สึกมึนหัวคล้ายจะเป็นลม เมื่อนำลูกไปอาบน้ำ ระดับน้ำในกะละมังสูงประมาณเอวของลูก เธอก็นั่งยองๆ อาบน้ำให้ลูก ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที จากนั้นเธอก็วูบและไม่รู้สึกตัว และไม่รู้ด้วยว่าหลับไปกี่นาที จนกระทั่งตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าตนไปนอนข้างกะละมัง จึงรีบไปดูลูก และพบว่าลูกนอนตะแคงอยู่ในกะละมัง
เห็นดังนั้น ตนจึงยกลูกขึ้นมา พบว่าลูกไม่หายใจ ตัวซีด ท้องและเส้นเลือดมีสีคล้ำ ท้องป่อง จึงรีบแจ้งรถพยาบาล และแจ้งครอบครัว เมื่อทีมกู้ชีพมาถึงจึงทำ CPR เจ้าหน้าที่พยายามช่วยชีวิตลูก แต่ช่วยไม่ได้ ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว
พร้อมกันนี้ เธอยังยอมรับว่า วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อน และเธอเพิ่งคลอดจึงเกิดอาการเวียนหัวจนวูบ และอยากฝากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนเป็นแม่ที่เพิ่งคลอดลูก ให้ดูแลลูกดีๆ หากมีอาการผิดปกติให้บอกคนใกล้ชิดหรือแพทย์
ด้านตาของหนูน้อยคนดังกล่าวเล่าว่า บ้านหลังนั้นปกติมีคนอยู่ประมาณ 7-8 คน แต่วันที่เกิดเหตุทุกคนไปทำงาน ไปโรงเรียนกันหมด และเพื่อนบ้านแถวนั้นก็อยู่ห่างออกไป 500 เมตร เหลือแค่ ลูกสาวของตนกับลูกน้อยของเธอ หลังเกิดเหตุลูกสาวก็โทร. มาบอกเรื่องนี้กับตน ทั้งนี้ลูกสาวไม่ได้บอกตนว่าวูบไปกี่นาที แต่ลูกอ่านไลน์ครั้งสุดท้ายคือประมาณ 14.30 น. และโทร. แจ้งรถพยาบาลเวลา 15.30 น.
จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายในตัวของหนูน้อยคนดังกล่าว ขณะเดียวกันญาติก็ไม่ติดใจการเสียชีวิต จึงไม่ได้ส่งร่างไปชันสูตรอย่างละเอียด และญาติได้เก็บร่างของหนูน้อยไว้ที่โรงพยาบาลตรัง 1 คืน เพื่อปรึกษาในการเตรียมบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews