จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ คนนี้แหละตัวจริงเสียงจริง คุม 5 กลุ่มมาเฟียจีนในไทย ซึ่ง นายชูวิทย์ ได้ออกมาแฉสาวไส้ 5 กลุ่มมาเฟียจีน ล่าสุดหลังจากการเปิดแผลจาก “ผับแฝงยานนาวา” จิ๊กซอว์ “อาชญากรจีนเทา” ในไทยที่เสวยสุขมานาน แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาทั้ง กรุงเทพฯ พัทยา ไปยันภูเก็ต
เริ่มปรากฏภาพชัดเจนขึ้น
หากไม่จัดการวันนี้ เหล่า “อั้งยี่กุมารจีน” จะเหิมเกริม สร้างอิทธิพลแทรกซึมก่อความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับประเทศไทย
คนจีนเหล่านี้ถือ 2 สัญชาติ เป็นคน 2 ซิม ใช้ทั้งสัญชาติไทย และสัญชาติจีน เมื่อทำผิดก็หอบเงินหนีกลับบ้านเก่า
วิธีการแรกเริ่ม เอาชื่อคนตายสวมบัตร แปรสภาพเป็นคนไทย แล้วจ้างคนไทยเปิดบริษัทนอมีนี เปิดบัญชีธนาคาร โอนเงินจากประเทศจีนที่ได้มาจากการโกงสารพัด ซึ่งระยะหลังรัฐบาลจีนเข้มงวดมากขึ้น
เงินสกปรกจากจีน ที่เป็นเงิน “เดอร์ตี้มันนี่“ (Dirty Money) ถูกนำมาฟอกให้ขาวในไทยด้วยการลงทุนที่หน้าฉากเหมือนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าเป็นผับ เป็นบาร์ เป็นร้านอาหาร แต่หลังฉากทำทั้ง บ่อน ยา คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์
เสร็จแล้วกว้านซื้อที่ดิน ทรัพย์สินในไทย ทั้งโรงงาน และหมู่บ้าน เช่น รัชดา บางหมู่บ้านคนจีนเป็นเจ้าของเกือบครึ่ง โดยใช้ชื่อบริษัทนอมินีซื้อเงินสดเป็นเจ้าของโฉนด
คนไทยกลายเป็นชนกลุ่มน้อย โดยไม่ต้องรอกฎหมายขายที่ให้ต่างชาติ
จึงขอเปิดเผยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมให้ได้ทราบ ถึงพฤติกรรมเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองของมาเฟียจีน 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1 “ต.ห.” คนจีนแปลงสัญชาติไทย ใจถึง เพราะอยู่นาน เส้นใหญ่ ใช้นอมินีจีนเสี่ยวเอ้อเป๋อป่องออกหน้า ตำรวจเกรงใจ เพราะมักอ้างตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ข่าวที่บุกยานนาวา จับคนจีนมาร่วมร้อย ได้ปลาซิวปลาสร้อย
แต่มีตำรวจมือดี แอบปล่อยตัวผู้ต้องหาปลาใหญ่ไป 1 ตัว พรายกระซิบมาว่า คือ “ต.ห.” นั่นเอง ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆ แล้วทำตัวแอคอาร์ทออกข่าวว่าไม่เกี่ยว
หากวันนั้นถูกจับ กระเทือนไปถึงพรรคใหญ่ ชิบหายวายป่วงกันแน่ เลยต้องเอาตัวออกมาก่อน
ขนาดระดับรองผู้กำกับลงมือหิ้วผู้ต้องหาออกจากโรงพักหน้าตาเฉย คิดดูว่าต้องใหญ่แค่ไหน?
กลุ่ม 2 “โทนี่” สไตล์จีนชอบโชว์ นั่งรถโรลส์รอย มีนางแบบจีนขนาบข้างคลอเคลีย บอดี้การ์ดตามเป็นพรวน
โทนี่พยายามเข้าหานักการเมืองไทย ขอแจมโครงการรัฐบาลสารพัดช่วงโควิด ไม่ว่าหน้ากากอนามัย เครื่องตรวจ ATK เอาหมด
เป็นเจ้าของ “S P ผับ” ที่โด่งดัง ทำอะไรเล็กไม่เป็น ต้องใหญ่ๆ บิ๊กๆ ลงทุน 400-500 ล้าน ขนเครื่องเสียง ลำโพง อุปกรณ์ไฟ ชิพมาจากเสิ่นเจิ้น
S P ผับ มีช่องทางลับ ประตูพิเศษเชื่อมต่อไปให้เฉพาะคนจีนเข้าได้เท่านั้น มีห้องไว้เล่นยาต่างหากเป็นสัดส่วน เวลาตำรวจตรวจก็ไม่เจอ
มีคนชื่อ “น้อย” คอยเคลียร์ที่ สน.มักกะสัน ตำรวจเขารู้จักกันดี
ตอนนี้โทนี่เห็นท่าไม่ดี ประกาศขายหุ้นละ 5 ล้านบาท ขาย 100 หุ้น ได้เงิน 500 ล้าน เตรียมเผ่นกลับไปตั้งหลักเมืองจีน
กลุ่ม 3 “เดวิด“ เจ้าของ “B F ผับ” แหล่งซ่องสุมคนเล่นยาใส่แว่นดำสั่นหัวกันทั่วผับคืนวันฮาโลวีน ศุกร์-เสาร์ แต่ตำรวจไม่รู้ ดันไปวันจันทร์
จะไปเห็นอะไรมาก? งง
ขานี้อยู่ไทยนาน พูดไทยคล่อง แต่ก่อนเปิดบ่อนซี้กับนายตำรวจใหญ่ระดับนายพล ชื่อเล่นย่อ “ก.” ที่เข้าคุกเรื่องบ่อน
กระสันเปิดบ่อนในซอยสถานฑูตลาวเมื่อหลายปีก่อน แต่งหรูหราแต่ไม่ทันเปิด โดนแฉเสียก่อน
เมื่อก่อนเป็นแค่ระดับ “ผู้จัดการ” แต่เริ่มแตกตัวตั้งตนเป็นใหญ่ แยกกลุ่มออกมาเหมือนนักการเมืองไทยยังไงยังงั้น ดังแล้วแยกวง
กลุ่ม 4 “ยู่ ฉาง เฟย” ไปสร้างอาณาจักรผับใหญ่ที่พัทยา มีบ้านใหญ่โตหรูหราอย่างกับวัง หูตาไว พอมีเรื่องเผ่นไปมุกดาหาร จะข้ามฝั่งนั่งรถไฟความเร็วสูงของลาวกลับจีน แต่ไม่ทันตำรวจไทย “บิ๊กโจ๊ก” โดดรวบคาด่าน
กลุ่ม 5 “หมิง” แห่ง “T O ผับ” แตกตัวมาจาก ยู่ ฉาง เฟย ทิ้งให้คุมกรุงเทพฯ ย่านรัชดา ทำมานาน หลากหลายอบายมุข ไม่มีเรื่องดี คู่กับ “กู๋เอี่ยว” แห่ง “C O ผับ” ที่พัทยา ไอ้นี่สไตล์จีนแท้ โวยวายจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่แล้ว มาจับอั๊วอีกได้ไง?
พุธโธ่! มันไม่ทั่วถึงหรือเปล่า จะมาโวยอะไร? เลยต้องโดนไปตามระเบียบ
งานนี้แตกกระเซ็นกระซอนไปคนละทิศคนละทาง
ทั้ง 5 กลุ่ม รู้จักกัน อยู่ภายใต้ “กงสีใหญ่” ของ “เจ้าเหว่ย” แห่ง “คิงส์โรมัน” คนนี้คือตัวจริงเสียงจริง ไม่เคยย่างกรายมาเหยียบเมืองไทย แต่เส้นสนกลในมากมาย หากไทยมีปัญหาก็ข้ามไปพม่า เมียวดี ลาว หรือเขมร ที่สีหนุห์วิลล์
และยังมีคอนเนคชั่นไปถึงกลุ่มทุนจีนที่ไปลงทุนคาสิโนอยู่ที่ฟิลิปปินส์
ส่วนรองหัวหน้าของกงสีใหญ่ชื่อ “อาเฟย” อายุ 70 กว่า มีเงินระดับหลายหมื่นล้าน
ทั้ง 5 กลุ่มจะต้องส่งเงินให้กงสีใหญ่ผ่าน อาเฟย ไปถึง จ้าวเหว่ย ที่เป็นเสมือนบริษัทแม่คิงส์โรมัน
งานนี้ทั้งใหญ่ ทั้งยาวครับท่าน บิ๊กต่อกับบิ๊กโจ๊ก รายงานไปถึง ผบตร. และนายกฯ ได้เลย เรื่องที่บอกนี้ รู้จักชูวิทย์น้อยๆ แต่รู้จักชูวิทย์ยาวๆ แล้วข้อมูลจะไหลมาอีกเยอะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews