วันที่ 3 พ.ย. 65 นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จัดงาน มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน แบ่งการจัดงานเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกได้เปิดช่องทางเจรจาแก้ไขหนี้ออนไลน์ เพื่อให้บริการลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ส่วนระยะที่ 2 เป็นการจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร โดยการผนึกกำลังของกระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) ร่วมมือกันจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา ตามลำดับ
ทั้งนี้ งานมหกรรมฯ แต่ละครั้งจะมีสถาบันการเงินฯ ผลัดเปลี่ยนกันรับหน้าที่ผู้จัดงานหลัก จนครบทั้ง 5 ครั้ง ภายในเดือน ม.ค. ปี 66 สำหรับมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ ทางธนาคารออมสินได้รับมอบหน้าที่เป็นผู้จัดงานหลัก กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย. 65 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี
โดยธนาคารพร้อมด้วยสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่ง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ หลายภาคส่วน ได้พร้อมใจกันนำเสนอมาตรการแก้ไขหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินฯ แต่ละแห่ง ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อประเภทต่างๆ
เช่น สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อภาคการเกษตร นาโนไฟแนนซ์ รวมถึงลูกหนี้บัตรเครดิต ฯลฯ ตลอดจนบริการให้คำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://ln15.gsb.or.th/WEB-DEBT/ เพื่อแจ้งความประสงค์มาติดต่อขอแก้ไขหนี้ พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่นๆ ได้ตลอดงานทั้ง 3 วัน
นอกจากนี้ ทุกสถาบันการเงินฯ ยังพร้อมใจกันขนโปรโมชันสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษสุด เพื่อเป็นแหล่งเงินเติมทุนให้กับลูกค้ารายย่อยและ SMEs รวมถึงผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมด้วยสิทธิพิเศษจูงใจ และบริการทางการเงินอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน ไม่ต้องมีหลักประกัน และเงินฝากดอกเบี้ยสูงสุด 9% จากธนาคารออมสิน สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 0% อีกด้วย
ขณะเดียวกันธนาคารออมสินยังได้ออก สินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน แก้หนี้เดิม พร้อมเติมเงินใหม่ภายในงานดังกล่าวด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
คุณสมบัติผู้กู้
- ผู้มีรายได้ประจำ เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องอายุไม่เกิน 60 ปี
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย เป็นต้น เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องอายุไม่เกิน 70 ปี
- เป็นผู้ที่เข้าร่วมโครงการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร (แจ้งความประสงค์ขอใช้บริการสินเชื่อทางออนไลน์)
วัตถุประสงค์การกู้
- เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ หรือลงทุนประกอบอาชีพ
จำนวนเงินให้กู้
- 20,000 บาทต่อราย
ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้
- สูงสุดไม่เกิน 2 ปี (24 งวด)
- ปลอดชำระหนี้เงินต้น 6 งวดแรก ชำระดอกเบี้ยปกติ
วิธีการชำระสินคืนเงินกู้
- ธนาคารจะโอนเงินสินเชื่อที่อนุมัติและหักบัญชีเพื่อชำระสินเชื่อผ่านบัญชีเงินฝากที่ใช้เป็นบัญชีหลักของบริการ MyMo
- ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นงวดรายเดือน โดยหักชำระผ่านบัญชีเงินฝาก มีเงินงวดชำระ ดังนี้
อัตราดอกเบี้ย
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate)
- อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามสัญญาบวก 0.25% ต่อเดือน ของเงินต้นที่ถึงกำหนดชำระ (คิดแบบลดต้นลดดอก)
ช่องทางให้บริการสินเชื่อ
- ผู้ขอกู้ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร เพื่อขอใช้บริการสินเชื่อช่องทางออนไลน์ www.bot.or.th/debtfair และคลิก "ลงทะเบียนแก้หนี้สัญจร" แล้วติดต่อสาขา เพื่อยื่นเอกสารขอกู้
- ผู้ขอกู้ที่ผ่านการอนุมัติหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ให้จัดทำนิติกรรมสัญญาผ่าน Mobile Application MyMo
ช่องทางการติดต่อสอบถาม
- หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่าน Call Center 1115 และ 1143
ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ
- ภายใน 31 ม.ค. 66
เอกสารประกอบการขอกู้
- บัตรประจำตัวประชาชน
- กรณี เป็นผู้มีรายได้ประจำ ใช้หลักฐานแสดงรายได้เดือนล่าสุด เช่น สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น
- กรณี เป็นผู้มีอาชีพอิสระ ใช้ภาพถ่ายการประกอบอาชีพที่มีผู้ขอกู้ปรากฏในภาพถ่าย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ tnews