เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สาว ๆ ผู้หญิงเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยรถประจำทางรถโดยสารสาธารณะ ควรสังเกตุและระวังตัวเองให้ดี ๆ เช่นเรื่องราวของเกาหลีรายนี้ ที่เผลอหลับบนรถเมล์ ตื่นมาพบของเหลวแปลกๆ ตกใจกว่ามีคนเห็นแต่ไม่มีใครช่วยได้ อาจจะด้วยความเหนื่อยเธอจึงเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ต้องพบกับเรื่องราวชวนสยอง
เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สื่อในประเทศเกาหลีใต้รายงานเหตุการณ์น่าตกใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโซล ได้เข้าควบคุมตัวชายหนุ่มรายหนึ่ง ภายหลังจากแสดงพฤติกรรมป่วยจิต ล่วงละเมิดหญิงสาวบนรถโดยสารสาธารณะ โดยอาศัยช่วงจังหวะที่หญิงสาวเดินทางคนเดียวและอ่อนเพลียและเผลอหลับบนรถเมล์
ในคลิปวิดีโอเปิดเผยเหตุการณ์ที่ หญิงสาวในชุดสีเทา นั่งพิงหน้าต่างและงีบหลับอยู่ ขณะที่รถโดยสารกำลังเคลื่อนตัวออกไป จู่ๆ ชายสวมเสื้อสีดำที่นั่งอยู่เบาะหลัง ก็ได้ลุกขึ้นแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า แล้วขยับใกล้ใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะดึงหน้ากากอนามัยออก แล้วจูบที่ต้นคอแลยังถ่มน้ำลายที่คอของเธอ
ขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารรายอื่นนั่งอยู่ใกล้กับเหยื่อสาวและมองเห็นเหตุการณ์ แต่ที่น่าตกใจคือ ทุกคนกลับเพิกเฉยกับสิ่งที่หญิงสาวผู้นี้กำลังเผชิญ ปล่อยให้หญิงสาวหลับไปโดยไม่รู้เรื่อง จนเมื่อรถโดยสารจอดป้ายถัดไป ชายโรคจิตรายนี้ก็ได้ลงจากรถหายไป กว่าที่หญิงสาวจะรู้ตัวก็ตอนที่เธอตื่น เธอรู้สึกว่ามีของเหลวแปลกๆ โดนร่างกาย คิดว่ามีเหตุผิดปกติ จึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
ภายหลังจากเกิดเหตุได้ไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในรถโดยสารคันดังกล่าว สามารถทราบตัวชายผู้กระทำผิด หลักฐานชี้ชัดว่ามีเจตนาล่วงละเมิดหญิงสาว ก่อนจับกุมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา และจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาแก้ต่างว่า เขาแค่ถุยน้ำลายที่คอของเธอ ไม่ได้ตั้งใจล่วงละเมิดหญิงสาวแต่อย่างใด
แต่จากการสอบสวนพบว่า ชายรายดังกล่าวมีประวัติความผิดเกี่ยวกับเหตุทางเพศหลายครั้งก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาล่วงละเมิด รวมทั้งข้อหาก่ออาชญากรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในสื่อออนไลน์ ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกหวาดกลัวและสยดสยองต่อพฤติกรรมอันตรายของคนร้าย ที่ก่อเหตุได้อย่างง่ายดายและโจ่งแจ้งในพื้นที่สาธารณะ อีกทั้งมีผู้เข้าไปเตือนภัย ชี้ว่าเป็นอุทาหรณ์ของผู้หญิงที่ไม่ควรชะล่าใจ ต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา
คลิกเพื่อชมคลิป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews