จากกรณีที่ นายมะนิช ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 65 หมายเลข 913106 เงินรางวัล 6 ล้านบาท ต่อมาก็ได้ไปขึ้นเงินกับภรรยา เพราะตนเขียนหนังสือไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็น บัญชีตัวเองก็ไม่มี ต้องพาภรรยาไปด้วย ส่วนเรื่องเงินก็ให้ภรรยาเป็นคนจัดการ เปิดบัญชีให้ตนแล้วเก็บเงินให้ 1 ล้านบาท เอาไปจ่ายหนี้ครอบครัวอีก 1 ล้านบาท ให้ลูก 2 แสนบาท ที่เหลือ 3.7 ล้านบาท อยู่ในบัญชีภรรยา ต่อมาก็มีข่าวว่าภรรยาหอบเงินหนีหายไป
ต่อมา นางอังคณารัตน์ ผู้เป็นภรรยา ก็ได้โฟนอินเข้ามาในรายการโหนกระแส ได้โต้ว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด ให้ไปตรวจสอบได้เลยว่าใครเป็นคนไปขึ้นเงินที่กองสลาก มีชื่อระบุชัดเจนว่าเป็นชื่อตน เงินเป็นของตนถูกต้องตามกฎหมาย เงินก็เอาเข้าบัญชีของตนโดยตรง ตนไม่ได้เป็นภรรยาของนายมะนิช ทะเบียนสมรสก็ไม่ได้จด ตนจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นไปตรวจสอบได้เช่นกัน เงินที่ได้มาตนก็แบ่งให้นายมะนิชไปแล้ว 1 ล้านบาท ในฐานะคนรู้จักกัน ส่วนลูกๆ ก็แบ่งเงินให้ไปหมดแล้ว จะให้ลูกสาวคนเล็ก 1 ล้านบาท คนกลางอีก 5 แสนบาท ส่วนลูกคนโตก็ได้ไปแล้ว 2 แสนบาท ยืนยันไม่ได้มีผัวใหม่ ตามที่เพื่อนชื่อติ๋มพูดน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ทางด้าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ผู้บันทึกปากคำเผยว่า ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี แต่ยังจะไม่มีการถอนแจ้งความจากที่นายมะนิชแจ้งไว้ จนกว่าจะมีการเปิดบัญชี โอนเงินทั้งหมดตามที่ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความในภายหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่อาจจะไม่ทำตามสัญญา
ซึ่งถ้าหากว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต คือการที่นางอังคณารัตน์ อ้างว่าเงินยังเหลือ 3.1 ล้านบาท นั้น ปรากฏว่าไม่ได้นำสมุดบัญชีมาแสดงให้เห็นยอดเงินดังกล่าวด้วย โดยอ้างว่าซ่อนไว้ และไม่ได้นำมาด้วย ซึ่งก็น่าสังเกต และน่าติดตามว่า การกล่าวอ้างว่าเหลือเงิน 3.1 ล้านบาท ในบัญชี ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอวันที่ทุกคนเปิดบัญชีใหม่แล้วดูว่ามีเงินที่จะโอนให้ตามสัญญาหรือไม่ต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews