จากกรณีหน้านี้คุณแม่ของน้องน้องแมงปอ ชนัญชิดา สาวน้อยพิการป่วยติดเตียง เนื่องจากตอนเกิดน้องขาดออกซิเจน ทำให้คุณแม่ได้เลี้ยงน้องด้วยตัวเองมากว่า 14 ปี และคุณแม่ยืนยันว่าจะไม่ขอรับบริจาคใดๆ และได้ทำการหาเลี้ยงชีพจุนเจือครอบครัวด้วยการขายของออนไลน์ ซึ่งคุณแม่ได้หาสินค้าต่างๆ มาขายหลายอย่าง
โดยได้ออกมาปล่อยโฮกลางไลฟ์ใน TikTok และเล่าว่า ตนโดนภาษีย้อนหลังจากการขายของ รวมค่าปรับไปด้วยเป็นเวลา 5 ปี คุณแม่ตัดพ้ออาจจะถึงขั้นหมดตัว ตายไปก็ใช้หนี้ไม่หมด และมีคนเข้ามาบอกให้คุณแม่นำเรื่องไปปรึกษาสำนักงานบัญชี เพื่อช่วยให้จัดการและดำเนินเรื่องภาษีให้ถูกต้อง
ล่าสุด แม่น้องแมงปอ ชนัญชิดา ได้ออกมาเปิดใจด้วยการยอมรับว่า ตนทำผิดกฎหมายเอง ซึ่งตนรู้ว่าขายของออนไลน์ต้องจ่ายภาษี แต่ไม่ได้ไปทำเสียที จนกระทั่งสรรพากรตรวจเจอ และมาที่บ้าน พร้อมกับแจ้งให้คุณแม่ทราบว่า หากขายของได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษี Vat และหากต้องเสียภาษีเกิน 1.8 ล้านบาท ก็เท่ากับว่ากินทุนเข้าไปแล้ว
ในส่วนของทรัพย์สินนั้น ตนไม่ได้มีมากมาย ตนมีทาวน์เฮ้าส์ 1 หลังที่ผ่อนกับธนาคาร ราคาไม่ถึงล้านบาท และมีที่ดินเพื่อเปิดร้านกาแฟขายของฝาก ซึ่งให้ตนตายไป 3 ชาติก็ใช้หนี้ไม่หมด ถ้าจะเอาเงินก้อนขนาดนี้ ตนหาไม่ได้ เพราะตนต้องดูแลน้องแมงปออีกด้วย
แม่น้องแมงปอยังระบุอีกว่า หากสรรพากรตรวจเจอว่า เงินที่ได้นั้นมีหลายล้าน ก็อยากให้ดูว่าเงินมาจากไหน บางครั้งตนโอนจากธนาคารหนึ่งไปธนาคารหนึ่ง เพื่อจ่ายค่าของ ค่าน้ำพริก ตนตั้งรายการโปรดเป็นบัญชีของคนขายพริก ขายหอม ขายกระเทียมเอาไว้ เพื่อให้โอนไปโอนมาได้สะดวก
อีกทั้งในส่วนของภาษีรวมค่าปรับทั้งหมดที่ต้องจ่าย อยู่ที่ 8 หลัก และสรรพากรกำหนดเส้นตายไว้วันที่ 15 ธันวาคม และถ้าผ่อนก็จะต้องเสียดอกปีละเป็นล้านบาท ซึ่งตอนนี้ตนอายุ 54 ปี ต่อให้ตนผ่อนไปจนถึงอายุ 100 ปี ก็ไม่หมด ก็ตายอย่างเดียว ตอนนี้ต้องดูว่าจะมีใครมายึดทรัพย์ตนไหม ถ้ายึดทรัพย์ตนก็ต้องย้ายน้องไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่บ้านเช่า ถ้าให้ตนจ่ายตนก็ขอให้คนมาช่วยอุดหนุนสินค้า เพื่อหาเงินไปจ่ายภาษี
ก่อนที่ แม่น้องแมงปอจะทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ได้ทำให้คนมองว่า ถ้าคุณแม่ขายของจนโดนสรรพากรเรียก 10 ล้านบาท แสดงว่าต้องขายของได้มาก และถ้าปรับแบบนี้แสดงว่าคุณแม่ไม่มีหลักฐานการซื้อขาย อธิบายที่มาที่ไปของเงินไม่ได้ และไม่เคยจ้างสำนักงานบัญชีให้เข้ามาช่วยดู ผลคือโดนภาษีราคาเหมา 60%+ค่าปรับ+ย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วอาจจะถึง 20 ล้านบาท
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews