สำหรับฟอร์บส์ (FORBES) ซึ่งเป็นการจัดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย (คนที่ร่ำรวยบริจาคเงินให้การกุศล) หรือ Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ที่ขึ้นเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยในปี 2565 นี้ มี คนเอเชีย ติดอยู่ในลิสต์ 15 คน และหนึ่งในนั้นมีคนไทย 1 คน นั่นคือ คุณลุงจุน วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งพัดลมฮาตาริ และเป็นคนไทยคนเดียวที่ติดอันดับในปีนี้อีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา คุณลุงจุน บริจาคเงินให้มูลนิธิรามาธิบดี จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งเวลาบริจาคไม่ค่อยเป็นข่าวเท่าไหร่ จนทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ประกาศแจ้งผ่านเฟซบุ๊ก จนได้รับเสียงชื่นชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเงินบริจาคก่อนนี้ แบ่งออกเป็น เงินที่มอบให้กับโรงเรียนพยาบาลของโรงพยาบาล 160 ล้านบาท , ศูนย์การเรียนรู้ทางการแพทย์ 300 ล้านบาท และอาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่และศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ 440 ล้านบาท
ทั้งนี้ คุณลุงจุน วนวิทย์ ซึ่งไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อ เริ่มธุรกิจด้วยการตั้งร้านซ่อมพัดลมเล็กๆ ก่อนขยับขยายไปรับจ้างผลิตให้กับพัดลมแบรนด์ญี่ปุ่น และก้าวมาทำพัดลมแบรนด์ตัวเองที่ขายดีที่สุดในไทยอย่างฮาตาริ โดยปีที่แล้ว บริษัทฮาตาริสามารถทำรายได้มากถึง 6,300 ล้านบาท และถึงแม้จะไม่ค่อยทำตัวเป็นข่าวมากนัก แต่ในแง่ของการบริจาค คุณลุงจุนและครอบครัวบริจาคทรัพย์สินให้กับหน่วยงานต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับสถานพยาบาล
อีกทั้ง ผู้ก่อตั้งพัดลมฮาตาริ ยังกล่าวด้วยว่า "ลูกๆ ของฉันต่างมีอาชีพและเงินของตัวเอง ฉันต้องการบริจาคเงินนี้คืนให้กับผู้ป่วยทั่วไป"
สำหรับ คุณลุงจุน เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเปิดร้านซ่อมพัดลมขนาดเล็กก่อนที่จะย้ายไปรับจ้างผลิตแบรนด์ให้ญี่ปุ่นและในที่สุดก็เปิดตัวแบรนด์พัดลมเป็นของตัวเอง โดยบริษัท Hatari Electric จำกัด ถือเป็นบริษัทเอกชนที่มีรายได้สูงถึง 6.3 พันล้านบาทในปี 2021
และที่น่าอึ้งกับเรื่องราวของคุณลุงจุน ก็คือ คนใกล้ชิดระบุว่า อากงจุนเป็นคนทำงานมุ่งมั่น สมถะ ประหยัด เรียบง่าย และ เสมอต้นเสมอปลาย แม้จะมีฐานะร่ำรวย แต่ของติดตัวที่แพงที่สุด คือ นาฬิกาข้อมือ ราคา 2 พันบาท ไม่เคยใส่แบรนด์เนม ไม่มีรถสปอร์ต ไม่มีเรือยอชต์ ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว
โดยการจัดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย เป็นการจัดทำข้อมูล "เศรษฐีใจบุญ" ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ซึ่งแต่ละคนนั้นต่างมีความมุ่งมั่นในการอุทิศเวลาและทรัพย์สินส่วนตัวในการช่วยเหลือการกุศล ทั้งด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และสังคม
ขอบข้อมูลจาก FORBES
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews