จากกรณี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ รับเรื่องร้องทุกข์จากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย ประมาณ 50 ราย ลงทุนออมทอง ”บ้านแม่จ๋า” และ “เฟื่อง โกลด์ ดัง” เพื่อขอให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ หลังมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 700 ล้านบาท
ทางด้าน น.ส.ผึ้ง (นามสมมุติ) กล่าวว่า วันนี้มาเป็นตัวแทนจากผู้เสียหายทั่วประเทศหลักร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นแม่ข่ายโดนลูกทีมกดดัน เนื่องจากเจ้าของเพจเฟซบุ๊กที่เปิดให้ร่วมลงทุนไม่จ่ายผลตอบแทนตามกำหนดและไม่สามารถติดต่อได้แล้ว สร้างความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง เพราะแต่ละคนจะมีลูกทีมในสายถึงหลัก 100 คนขึ้นไป
“สำหรับพฤติการณ์เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีการเสนอผ่านสื่อโซเชียลมีเดียทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมากและชักชวนบุคคลอื่นมาลงทุนจัดโปรโมชั่นน่าสนใจให้ออมทอง ราคา 23,000 บาท แถมทองให้ครึ่งสลึง จึงทำให้คนเข้ามาร่วมลงทุน และเชื่อใจนำเงินมาลงทุน เพราะชอบโพสต์รูปเป็นคนทำบุญ ไม่คิดว่าหลอกลวง บางคนต้องกู้หนี้ยืมสินหรือไปกู้ธนาคารมาลงทุน
แต่สุดท้ายเชิดเงินหนี มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 700 ล้านบาท ทำให้กลุ่มผู้เสียหายเดินทางแจ้งความตำรวจท้องที่ ตำรวจกองปราบ และมา ดีเอสไอ เพื่อช่วยเหลือทางคดีอีกทาง”
เบื้องต้น ดีเอสไอให้กลุ่มผู้เสียหายเขียนคำร้องและรับเรื่องไว้ตรวจสอบ ก่อนพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. กลุ่มตัวแทนจำหน่ายทอง ”บ้านแม่จ๋า เฟื่อง โกลด์ ดัง” ได้เดินทางมาที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พลหโยธิน จตุจักร กทม.เข้าพบ พ.ต.ท.วรเดช ชมพูพันธ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. เพื่อแจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนิคดีกับ น.ส. วรรษมน ทองเขียว แม่จ๋า ร้านทองสระบุรี ที่ตั้งวงออมทองขึ้นมาหลอกชาวบ้าน
สรุปว่าคดีนี้เป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ พงส.บก.ปอศ.ดังนั้นขอให้ผู้เสียหายที่ยังไม่แจ้งความมาพบและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ น.ส.วรรษมน มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดตามข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ Tnews