กรมอุตุฯ ชี้แจงแล้ว หลังแชร์ว่อนเตือน 37 จังหวัด เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตรวจสอบกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงแล้ว หลังแชร์ว่อนเตือน 37 จังหวัด เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น
ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง กรมอุตุฯ เตือน 37 จังหวัด เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีผู้โพสต์โดยระบุว่ากรมอุตุฯ เตือน 37 จังหวัด เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพายุเข้าไทยแต่อย่างใด
โดยสภาพอากาศช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลงในช่วงวันที่ 8 - 14 ม.ค. 66
ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ปลายแหลมญวนและมีแนวโน้มอ่อนกำลังลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสน และตื่นตระหนกขึ้นในสังคม หากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th โทรสายด่วน 1182
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งไม่มีพายุเข้าไทยแต่อย่างใด หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน โดยประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเท่านั้น
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ขอบคุณ Anti-Fake News Center Thailand
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews