จากกรณีอุบัติเหตุรถเบนท์ลีย์ซิ่งชนรถบนทางด่วนเฉลิมมหานคร เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าว รถเบนท์ลีย์ขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงขวาก่อนจะพุ่งเข้าชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถยนต์มิตซูบิชิเสียหลักหมุนพุ่งชนขอบทางติดช่องทางขวาสุด
ก่อนมีรถดับเพลิงอปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ช่องทางขวา ขณะจะไปเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข ชนซ้ำจนรถยนต์มิตซูบิชิพลิกคว่ำ ล้อชี้ฟ้า ทำให้มีผู้บาดเจ็บ รวม 8 ราย โดยซึ่งทางเสี่ยเจ้าของรถเบนท์ลีย์ได้ยืนยันรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ประเด็นที่ทำไมเสี่ยเบนท์ลีย์ไม่ได้เป่าแอลกอฮอล์ แต่เปลี่ยนเป็นการตรวจเลือดแทน
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ผลตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ จากโรงพยาบาลตำรวจออกแล้ว ซึ่งระบุว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ มีปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดประมาณแค่กว่า 10 มิลลิกรัมฯ ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมฯ โดยผลอย่างเป็นทางการ โรงพยาบาลตำรวจ ส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ สำหรับกระบวนการจากนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องชี้แจงรายละเอียดคดีต่อไป
ทั้งนี้ ตามกฎหมายระบุว่า ถ้าหากพบว่าผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุราเช่นกัน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews