เตือน "เมาแล้วขับ” ไม่ยอมเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ ถือว่าผิดกฎหมาย
อ้างอิงจากกรณีอุบัติเหตุรถเบนท์ลีย์เฉี่ยวชนรถปาเจโร่และรถอาสาดับเพลิงบนทางด่วนเฉลิมมหานคร ก่อนที่คนขับรถเบนท์ลีย์จะอ้างว่ามีอาการเจ็บหน้าอก ไม่สามารถเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ณ จุดเกิดเหตุ จนเป็นเรื่องราวที่หลายคนให้ความสนใจกันอยุ่ในขณะนี้
ซึ่งในปัจจุบันการฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ถือว่ามีความผิดร้ายเเรง 3 ข้อหา ทั้งจำคุก และปรับ ยังต้องถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน ห้ามออกจากที่พักเวลา 22.00 น.-04.00 น.รวม 15 วัน โดยติดเครื่องติดตามบุคคลบริเวณข้อเท้าคุมประพฤติ หรือ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2542 มาตรา 142 วรรคสอง ในกรณีที่เจ้าพนักงานเห็นว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ หรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่ โดยบทกำหนดโทษเป็นไปตาม มาตรา 154 (3) ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 142 วรรคสอง ต้องระวางปรับครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่ถูกเรียกตรวจปริมาณแอลกอฮอล์แต่ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่า ก็จะเข้าข่ายความผิดข้อหาเมาแล้วขับแม้ว่าจะไม่เป่าก็ตาม อาจรับโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุก รวมถึงถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่อีกด้วย