อัปเดตล่าสุด “น้องอุ้ม พยาบาลอุ้มผาง” ผ่านไป 1 ปี สามารถหายใจเองได้แล้ว

20 มกราคม 2566

อัปเดตอาการน้องอุ้ม พยาบาลอุ้มผาง หลังเกิดเหตุรถฉุกเฉิน ชนรถบรรทุกพ่วง ผ่านไป 1 ปีสามารถหายใจเองได้ และกำลังฝึกยืน

ครบรอบ 1 ปีแล้วสำหรับกรณีที่รถพยาบาลฉุกเฉินนำส่งส่งผู้ป่วย ชนกับรถบรรทุกพ่วง บนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง โดยหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บคือ น้องอุ้ม พยาบาลวิชาชีพ หลังเกิดเหตุได้มีการนำตัวน้องอุ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ

อัปเดตล่าสุด “น้องอุ้ม พยาบาลอุ้มผาง” ผ่านไป 1 ปี สามารถหายใจเองได้แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ทางเพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน ได้ออกมาอัปเดตอาการของน้องอุ้มโดยในโพสต์มีเนื้อหาที่ระบุว่า 1 ปีที่ผ่านไปกับชีวิตใหม่ของน้องอุ้ม ตอนนี้ก็ครบ 1 ปีแล้วที่น้องอุ้มได้รับการผ่าตัดและฟื้นฟู โดยรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดในช่วงแรกหลังจากที่อาการทรงตัวได้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยความช่วยเหลือจากกรมการแพทย์ (โดยเฉพาะท่านรองอธิบดี นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด ท่านช่วยเหลือประสานงานให้โดยตลอด) และสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นต้นสังกัด ทางสำนักพระราชวังที่รับน้องอุ้มเป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ พระราชทานความช่วยเหลือกับน้องอุ้มและครอบครัว 

ที่จะลืมไม่ได้เลยคือ ท่านผู้อำนวยการ คณะแพทย์ พยาบาล ทีมกายภาพบำบัด และทุกหน่วยงานของโรงพยาบาลราชวิถีที่ดูแลน้องอุ้มเป็นอย่างดี ตอนนี้น้องอุ้มถอดท่อที่คอ (Tracheostomy) ได้แล้วสามารถหายใจได้เองเป็นปกติ ได้รับการใส่เครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจเนื่องจากหัวใจเต้นช้าอันเนื่องมาจากความผิดปกติของสมอง กินอาหารทางสายยางอยู่ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงใบหน้าสวยงามแบบในรูปนี้เลย สามารถขยับร่างกายด้านขวาได้ ทำตามคำสั่งง่ายๆได้เช่น ยิ้ม ชูสองนิ้ว นั่งได้และกำลังฝึกยืน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเพราะในวันนั้นพวกเราถอดใจคิดว่าน้องอุ้มมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากและมากที่สุดอาจเป็นได้เพียงเจ้าหญิงนิทรา 

 

อัปเดตล่าสุด “น้องอุ้ม พยาบาลอุ้มผาง” ผ่านไป 1 ปี สามารถหายใจเองได้แล้ว

 

แม้ว่าจะมีความโชคร้ายเกิดขึ้น ยังมีความโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกท่านทั้งเรื่องการรักษาและร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารกลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลอุ้มผาง โดยตั้งเป็นกองทุนใช้ชื่อว่า “กองทุนพี่ช่วยน้อง” มีการแต่งตั้งกรรมการ ได้แก่ หัวหน้าพยาบาล หัวหน้าฝ่ายต่างๆ และมีบิดา มารดาร่วมเป็นกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาวของ นส.ปุณยวีย์ ศรีดวงแปง ตั้งแต่เปิดรับเงินช่วยเหลือ จนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2565 เป็นเงินจำนวน 1,631,587.81 บาท เงินในส่วนนี้ได้ใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษา ค่าเดินทางและค่าที่พักของครอบครัวในการไปเฝ้าไข้ และไว้ใช้จ่ายระยะยาว ทางโรงพยาบาลอุ้มผางโดยท่านผอ.นพ.วรวิทย์ก็ได้เตรียมทำห้องเพื่อดูแลน้องอุ้มหากเดินทางกลับภูมิลำเนาในอนาคตค่ะ มาร่วมเป็นกำลังใจให้น้องอุ้มกันนะคะ 

จึงขออัปเดตเรื่องราวการต่อสู้ของน้องอุ้มตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเพื่อให้ทุกท่านได้ทราบความเคลื่อนไหว หากน้องพร้อมเมื่อไหร่คงจะได้มาพบปะทุกท่านด้วยตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยท่านอื่นและครอบครัวที่กำลังท้อแท้เกี่ยวกับการเจ็บป่วยได้มีแรงสู้ต่อเหมือนน้องอุ้มและครอบครัว ที่สู้กันสุดๆจนมีวันนี้วันที่ดีกว่าเมื่อวาน

 

ขอบคุณ เรื่องเล่าหมอชายแดน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews