เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้เข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยาน โดยได้ให้การยอมรับว่า ได้แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการข่าว โดยให้ไปปฎิบัติงานโดยชอบด้วยกฏหมาย และไม่ได้สั่งการให้ไปปฎิบัติการแบบผิดกฏหมาย หลังจากที่ตรวจค้นเสร็จแล้วไม่มีการรายงานผลทันที
โดยคำให้การของอดีตอธิบดี DSI ยังไม่มีความสอดคล้องกลับชุดที่เคยสอบสวนไป และได้รายงานไตรยฤทธิ์ไปทั้งหมดแล้ว โดยคำให้การต่อจากนี้ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนก็จะไล่ความเชื่อมโยงของการให้การ และนำไปเปรียบเทียบกับพยาน และหลักฐาน ชึ่งจะมีการเรียกนาย เสกสิทธิ์ สวรรยาธิปัติ ซึ่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของนายไตรยฤทธิ์ เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม และเทียบเคียงไล่เวลาตามพยานหลักฐานที่ได้ตรวจพบ
ชึ่งยังคงมีบางประเด็นที่ทีคำให้การบางส่วนไม่ตรงกับนายไตรยฤทธิ์ ในส่วนของนายไตรยฤทธิ์ ได้ให้การครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และยังไม่ออกหมายเรียกเข้ามาพบเพิ่มเติม ส่วนจะเข้าข่ายให้ในการสั่งให้ปฎิบัติงานหรือไม่ต้องรอบตรวจสอบพยานก่อน
ในส่วนของเงิน 9.5 ล้านที่ถูกรีดไถไป เชื่อว่าได้แบ่งกันไปหมดแล้ว เพราะหาไม่พบ และอดีตอธิบดีDSI ก็ไม่รู้ว่ามีการรีดไถเงินจำนวนดังกล่าว รวมถึงการเข้าไปตรวจค้นยังคอนโดมิเนียมในย่านห้วยขวาง ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวางก็ได้เตรียมออกหมายจับ บุกรุกเคหสถาน และลักทรัพย์ เนื่องจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพว่ามีการนำพระเครื่องออกไปจากห้อง
สำหรับจุดเริ่มต้นของการไปสำรวจห้องอดีตกงสุลนาอูรู เกิดขึ้นหลังจาดมีหนังสือจากเจ้าหน้าที่ในกงสุล ได้ทำหนังสือมายังอธิบดีดีเอสไอให้จัดชุดตรวจสอบ ชึ่งต้องเรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาให้ข้อมูลว่าทำไมถึงให้ไปตรวจสอบ รวมถึงการเข้าไปตรวจค้นในคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้เชื่อว่า หลังจากการตรวจสอบทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้สั่งการ สุดท้ายจะไม่มีใครยอมตายคนเดียว
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ tnews