จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาตลิ่งชัน อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ และนางสมพิศ ตรัยจันแดง นายบุญชู พลไธสง โจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ, นายสามารถ แสงสิน, และนายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
ตามฟ้องโจทก์สรุปว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน-13 ธันวาคม 2559 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง3 ร่วมกัน นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง, นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์, น.ส.กรรณิการ์ หรือดาว กรุมรัมย์, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีตผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, และนายสนอง หรือหนอง สมสิทธิ์ จำเลยที่ 1-5 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.13752/2560 ของศาลชั้นต้น กับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิด
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง ร่วมกันจ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้ จำเลยทั้งสามในคดีนี้ร่วมกันกระทำผิดด้วยการข่มขืนใจบังคับเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง ผู้ตาย ซึ่งมีลักษณะนิสัยเป็นเพศชาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา ให้แก่พวกจำเลย
ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.59 เวลากลางคืนหลังเที่ยงคืน จำเลยทั้ง 3 กับพวกได้แบ่งหน้าที่กันทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฉุด ลาก ดึงเอาตัวผู้ตายขึ้นรถกระบะ ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายไว้ตามอาคารต่างๆใน จ.กาญจนบุรี และบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทางการเงินกับน.ส.กรรณิกา เพราะ พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง เป็นผู้ใช้จ้างวาน
ต่อมาผู้ตายขัดขืนและทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุและร่วมกระทำความผิด ทำให้จำเลยทั้งสามกับพวก โดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ใช้มือหรือวัตถุอื่นใดอุดกั้นไม่ให้ผู้ตายหายใจได้ จนเป็นสาเหตุให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจจนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพผู้ตายนำไปฝังในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจ.กาญจบุรีก่อนนำตะแกรงมาวางปิดไว้แล้วใช้ปูนซีเมนต์โบก ทับ เพื่อปิดบังสาเหตุการตาย จำเลยทั้งสามให้การปฎิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักสุด ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานซ่อนเร้นอำพรางศพจำคุกคนละ 1 ปี แต่เมื่อลงโทษทุกกระทงแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว กับให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.60 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าบางส่วน แต่ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ ก่อนพิพากษายืนลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ เงินพร้อมดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วม ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นฎีกา โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่สามฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง, นายภูมิทัศน์ หรือ อุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ , น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และนายสนองหรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ กำนัน ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเดียวกันนั้น เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาประหารชีวิตนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก จำเลยที่ 1 และ นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม จำเลยที่ 2 สถานเดียว ส่วน พ.ต.อ.อำนวย จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 15 ปี ส่วน นายสนอง หรือ กำนันหนอง จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 10 ปี
นอกจากนี้ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติของผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 1 ด้วยเป็นเงิน 2,790,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2560 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดเป็นต้นไป ส่วน น.ส.กรรณิกา หรือดาว จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews