คืบหน้าล่าสุดจากกรณี "เนย" อดีตศิษย์คนสนิท"สมเด็จพระวันรัต" ฉ้อโกงเงินวัด 80 ล้านบาท โดยวันที่ 28 ก.พ.66 ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี "เนย" อดีตไวยาวัจกร ลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต ฉ้อโกงปลอมแปลงเอกสาร อมเงินวัดวชิรธรรม พร้อมสั่งให้ชดใช้เงินคืนวัด 80.1 ล้านบาทและดอกเบี้ย โดย เนชั่นออนไลน์ มีรายงานว่า
ศาลอาญา มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการและรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม เป็นโจทก์ฟ้อง นายอภิรัตน์ ชยางกูล ณ อยุธยา ลูกศิษย์คนสนิทใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ พบพฤติกรรมการก่อเหตุลักทรัพย์เกิดขึ้นในช่วงที่สมเด็จพระวันรัต อาพาธ จนกระทั่งละสังขาร
"เนย"นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตลูกศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต และเคยเป็นไวยาวัจกร ได้อาศัยช่วงที่สมเด็จพระวันรัต อาพาต รักษาตัวโรคมะเร็งอยู่โรงพยาบาล ปลอมแปลงเอกสารลายเซ็น และการทำธุรกรรมอื่นๆ โยกย้ายทรัพย์สินไปเป็นของตัวเองเป็นจำนวนมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง จะสามารถติดตามจับกุมตัวนายอภิรัตน์ ที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิม สมเด็จพระวันรัตเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม อาพาธรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างปี 2564-2565 ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้จัดส่งเงินจำนวน 78.5 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดวชิรธรรม เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้างวัดวชิรธรรมาราม (โครงการสร้างถวายในหลวงภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถ) และโครงการอื่นๆ มีพระวันรัตเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว ในหลายบัญชี
จำเลยเป็นศิษย์คนสนิท รู้ว่าเงินไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของพระวันรัตแต่เป็นของวัดวชิรธรรม ได้ออกอุบายหลอกพระวันรัตให้ลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินหลายครั้ง เพื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร แล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาสอบถามพระวันรัต ก็ไม่ได้รับสาย เพราะจำเลยให้ปิดเสียง ซึ่งจำเลยได้โอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง
จากนั้นจำเลยได้นำเงินที่หลอกลวงมาไปซื้อ รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลีย์ และรถหรูราคาแพง มีการจองและสั่งซื้อเลขป้ายทะเบียนสวย กระเป๋าราคาแพง อัญมณี ชำระหนี้บัตรเครดิต รวมทั้งหมด 324 รายการ ต่อมาพระวันรัตได้ทราบเกี่ยวการโอนเงินวัดเข้าบัญชีจำเลย จึงสอบถามจำเลย ซึ่งจำเลยตอบว่าโอนเงินผิด พระวันรัตจึงตำหนิจำเลย แล้วบอกให้โอนเงินกลับคืนมาให้เรียบร้อย แต่จำเลยไม่โอน ทั้งนี้จำเลยมีการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อวัดบวร, วัดรัตนวราราม ในหลายบัญชี จึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและให้คืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงหลอกลวงสมเด็จพระวันรัต โดยปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 จำเลยได้ถอนเงินจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารหลงเชื่อว่าใบถอนเงินดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 จำเลยยังได้โอนเงินจำนวน 30 ล้านบาทเศษ เข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย โดยฝ่าฝืนไม่ได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระวันรัต
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญามาตรา 265 และ 268 วรรคแรก ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ แก่วัดวชิรธรรม