จากการรายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ ได้ระบุว่า ท่ามกลางกระแสที่ผู้คนออกมาเรียกร้องให้หวนคืนโทษประหาร หลังฮ่องกงยกเลิกโทษประหารไปตั้งแต่ปี 2536 เพื่อให้เกิดบทลงโทษรุนแรงในคดีนี้ แต่ตามกฎหมายของฮ่องกง หากยังไม่พบชิ้นส่วน แอบบี้ ชอย ที่เหลือ และผู้ต้องสงสัยไม่ยอมรับสารภาพ คดีนี้อาจจบลงแค่ข้อหาฆาตกรรมโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งครอบครัวอดีตสามีของเธออาจเจอเพียงโทษปรับเท่านั้น
ขณะเดียวกันสื่อดังอย่าง ไชน่าเพรส ก็ได้รายงานระบุว่า หากไม่พบชิ้นส่วนอื่นๆ ของแอบบี้ ก็เท่ากับขาดหลักฐานในการตั้งข้อหาฆาตกรรมต่อครอบครัวอดีตสามี ขณะที่ชิ้นส่วนเท่าที่พบในตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรทางคดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบางอวัยวะที่ถูกต้มสุก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ชี้ว่า DNA นั้นถูกทำลายได้ง่ายๆ ภายใต้อุณหภูมิร้อนจัด และหากไม่สามารถระบุตัวเหยื่อได้ จะสามารถค้นหาตัวตนของฆาตกรได้อย่างไร เขายังปฏิเสธเรื่องที่ศพถูกนำมาต้มซุปเพื่อกินด้วย
ทั้งนี้จากรายงานยังชี้ให้เห็นว่า พ่อของอดีตสามี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลัก คืออดีตหัวหน้าตำรวจในฮ่องกง ซึ่งน่าจะเข้าใจระบบการลงโทษต่างๆ ดีอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะหั่นและนำไปทิ้ง สิ่งนี้อาจขัดขวางการสืบสวนของตำรวจ เพราะตราบเท่าที่ตำรวจหาร่างไม่พบก็จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด หากไม่มีหลักฐาน คณะลูกขุนอาจพิจารณาเป็นเพียงการฆาตกรรมโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีบทลงโทษค่อนข้างเบา
จนถึงขนาดนี้เจ้าหน้าที่ยังพยายามหาชิ้นส่วนที่หายไปของ แอ๊บบี้ ซอย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวน 100 ราย ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันเดินทางไปยังพื้นที่ฝังกลบเพื่อค้นหาชิ้นส่วนศพ โดยใช้รถขุดและพลั่ว โดยผู้บังคับบัญชาการตำรวจฮ่องกง ชี้ว่า ผู้ต้องสงสัยมีการโยนถุงหลายใบที่ใส่หลักฐานสำคัญทิ้งไป ในเช้าวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจจะมีชิ้นส่วนศพหรือเสื้อผ้า รวมถึงอาจจะเป็นโทรศัพท์มือถือของเหยื่อ และอาวุธ อยู่ในถุงเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่เจอหลักฐานชิ้นสำคัญ นอกจากกระดูก ที่ตำรวจไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของมนุษย์ หรือสัตว์
ภาพจาก Instagram xxabbyc
ข้อมูลจาก World of buzz, China Press, Channel News Asia, Sin Chew