กรณี"ลุงศักดิ์"นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ทำร้ายร่างกาย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กลางวงสัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ขณะที่นายศรีสุวรรณ เข้ายื่นเรื่อง บก.ปอท. เอาผิดการแสดงทอล์คโชว์ เดี่ยว 13 หลังจากพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน ได้แจ้งข้อกล่าวหา และส่งฟ้องศาลไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด 26เม.ย.66 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ คนรุ่นใหม่ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อรับฟังคำพิพากษาคดีลุงศักดิ์ ต่อย ศรีสุวรรณ
โดย ทนายอั๋น กล่าวว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนรับแจ้งความจากนายศรีสุวรรณและมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจและการกระทำโดยมีการไตร่ตรอง หลังจากนั้นตนไปยื่นร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงและอ้างอิงหลักวิชาการ กระทั่งอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องตามที่นายศรีสุวรรณและพนักงานสอบสวนแจ้งและอัยการสั่งฟ้องเพียงข้อหาทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจอันเป็นลหุโทษมาตรา 391 ตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนปรับไม่เกิน 1,000 บาท
วันนี้ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาแต่เนื่องจากคู่กรณียื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอค่าเสียหายจำนวนเงิน 1 ล้านบาทและยังตกลงกันไม่ลงตัวจึงเลื่อนไปสืบในส่วนของคดีแพ่งที่ยื่นค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ส่วนในคดีอาญาอัยการฟ้องเพียงลหุโทษเท่านั้น และจะมีการนัดสืบพยานในวันที่ 3 สิงหาคมต่อไป
ด้าน ลุงศักดิ์กล่าวว่า หากคู่กรณียังยืนยันจะต้องใช้เงิน 1 ล้าน ตนจึงไม่สามารถที่จะยอมชดใช้ได้ จึงขอสู้กันไปเรื่อยๆและขอบคุณทนายอั๋นที่ยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทนายอั๋นไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่เป็นการมาช่วยตนโดยตรง เพราะถ้าทนายอั๋นมีอุดมการณ์เดียวกับตนยึดหลักความถูกต้องในสังคม
โดย ลุงศักดิ์ ยอมรับผิดในเหตุการณ์ชกต่อย ยอมรับผิดลหุโทษนอกเหนือจากนั้นจะอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตตนน้อมรับทุกเรื่อง และหากนายศรีสุวรรณจะยืนหยัดว่าจะเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ตนไม่มีเงินในส่วนนี้
และในส่วนของเงินที่มีผู้บริจาคหลังจากที่มีเหตุการณ์ชกต่อยนั้น ตนยืนยันว่า"ได้รับเพียง 1 ล้านบาท" ซึ่งเงินส่วนนี้ได้ใช้หนี้ไป 500,000 บาทและบางส่วนนำไปจ่ายค่าเทอมลูก ไม่ได้รับเงิน 6 ล้านบาทตามสื่อนำเสนอไปก่อนหน้านั้นและตนยินยอมพร้อมให้ตรวจสอบ