จากกรณีข่าวสะเทือนขวัญครึกโครมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 หลังตำรวจแอม เมียตำรวจระดับรอง ผกก. ในพื้นที่ จ.ราชบุรี ผู้ก่อเหตุวางยาเท้าแชร์เสียชีวิต ด้วยการนำไซยาไนด์ (Cyanide) ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรงผสมใส่ในอาหารให้เหยื่อรับประทาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ผลชันสูตรเหยื่อ 10 รายออกแล้ว ยืนยันว่าเสียชีวิตเพราะถูกวางยาเช่นเดียวกัน และเหยื่อทั้งหมดอาจมีมากถึง 15 ราย
และในวันเดียวกัน ในรายการโหนกระแส หนุ่ม กรรชัย ได้พูดคุยกันเรื่องของ ก้อย ผู้เสียชีวิต โดยมีการเชิญครอบครัวของผู้เสียชีวิตหลายรายที่เสียชีวิตในลักษณะใกล้เคียงกัน จนเกิดความสงสัยว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า เป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องมานั่งพูดคุยในรายการ
ซึ่งเรื่องที่เป็นประเด็นเดือดที่สุดคือเรื่องทนายความของแอม คือ ทนายธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ โฟนอินเข้ามาในรายการโหนกระแส เพื่อให้ข้อมูลในเชิงการสู้คดีของแอม
ทนายของแอมชี้แจงว่าตอนจับกุมไม่มีของกลาง ที่มีรายงานข่าวออกไปว่ามีของกลาง ไม่ใช่เรื่องจริง ถ้ามีของกลางอาจจะเป็นการยัดยา การจับกุมต้องมีของกลาง จึงจะถือว่ายอมจำนนด้วยหลักฐาน แต่กรณีนี้ไม่มี ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ในการปล่อยตัวชั่วคราว
ในเรื่องที่หลายคนมองว่ามีความผิดปกติเชื่อมโยงกันหลายเคส หรือมีการไปกล่าวหาใครว่าวางยา มอมยา ต้องเอาพยานหลักฐานมาพูดกัน ซึ่งการจะไปวางยาใคร ต้องมีภาชนะ สิ่งเชื่อมโยงนำพา ต้องมีแพทย์ มีผู้เชี่ยวชาญ มาพิสูจน์กันในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งการตรวจพิสูจน์ ผ่าชันสูตรแยกธาตุออกมา ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อีกว่าเป็นฝีมือของใคร ลูกความของตนอาจจะโชคร้ายที่เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
แต่เรื่องที่คนดูรับไม่ได้ก็คือพฤติกรรมของทนายความที่พูดไปหัวเราะลั่นไปด้วยตลอดเวลา ใช้น้ำเสียงและคำพูดที่ไม่เหมาะสมเหมือนดูหมิ่นผู้เสียชีวิต สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับผู้ชม
ทั้งนี้ได้มีการจับสังเกตสีหน้าและแววตาของ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรของรายการขณะที่คุยกับทนายความคนดังกล่าว ชัดเจนกว่ากำลังอดกลั้นอย่างหนัก แม้จะพยายามเตือนเรื่องการพูดหรือความเหมาะสมในการพูดคุยแต่ทนายคนนี้ก็ยังคงพูดไปหัวเราะไป และมีการตอบโต้ โต้แย้งตลอดเวลาด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ครอบครัวของเหยื่อนั่งอยู่ในรายการ เป็นการทำร้ายจิตใจซ้ำๆ ครอบครัวเหยื่อหลายคนแทบร้องไห้ออกมา
ขอบคุณ รายการโหนกระแส