วันที่ 30 เมษายน 2566 เฟซบุ๊ก Blue Ocean Sushi - Bangkok ของทางร้านบุฟเฟต์ชื่อดัง ได้มีการโพสต์ภาพอาหารที่ลูกค้ากินเหลือ พร้อมข้อความระบุว่า รูปภาพนี้มันคือ "อาหารเหลือของลูกค้า" ที่ทานไม่หมดค่ะ ได้รูปนี้จากหน้าร้านตอนหัวค่ำค่ะ ทำใจเย็นสักพักค่อยมาโพสต์ รูปอาจจะดูเหมือน โชว์รูปบุฟเฟต์เยอะแยะไปหมดชวนมาทาน มองผ่าน ๆ เหมือนเพิ่งเริ่มปาร์ตี้ การให้บริการของเรา คือลูกค้าจะทานเท่าไหร่ก็ได้ที่ลูกค้าจะทานหมด สั่งได้ไม่จำกัดรอบ เพื่อให้ลูกค้าทานอาหารอย่างมีความสุข ได้รับประสบการณ์ดี ๆ ในมื้อที่มาทานกับเรา ในกติกาที่หากทานไม่หมดจะมีค่าปรับ
ใช่ค่ะ เราเปิดร้านไม่ได้หวังรายได้จากค่าปรับของลูกค้าค่ะ แต่อาหารทุกอย่างมีต้นทุนของมัน ทั้งวัตถุดิบ ทั้งค่าแรง ค่าเวลา แต่สิ่งที่เราเจอมาวันนี้ และระยะนี้ คือทานไม่หมด ปลาไม่สด ปลาไม่ดี ถ้าอาหารมีปัญหา ลูกค้าแจ้งทันที ทางร้านยินดีตรวจสอบ และนำจานนั้นกลับไปตรวจสอบ แต่การทานไม่หมดเต็มโต๊ะ แล้วมาแจ้งว่าไม่ได้ทานเหลือ แต่เป็นเพราะปลาเราแย่ ไม่สด เลยไม่กิน มันเสียใจมากเลยค่ะ ค่าปรับวันนี้ 2,250 บาท ถ้าคำนวณตามกฏ ลูกค้าจะจ่ายที่ 500 บาทเท่านั้น จนพนักงานต้องโทร. หาเราหลายรอบมาก ลูกค้าไม่ยอมให้ปรับทำยังไง มาจบตรงที่ปรับไปราคา 1,000 บาทค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่าก็ได้ปรับแล้วก็น่าจะจบ ถ้าคุณทำร้านอาหารคุณเคยคิดไหมว่าค่าปรับที่เราได้มา มันไม่คุ้มกับความรู้สึกกับมูลค่าและราคาของวัตถุดิบที่เราตั้งใจมอบให้ลูกค้าเลย เราเสียใจมากกก และก็ถามตัวเอง เราห่วยงั้นเลยหรอ จนลูกค้าไม่รับกติกาของเรา หรืออาหารเราห่วย จนลูกค้ากินไม่ได้เหลือขนาดนี้ แซลมอนไม่สดด !!?? แซลมอนต้นทุนราคาแพงมาเท่าตัว รู้ไหม แซลมอนแช่แข็งยังไม่เคยวิ่งเข้ามาในร้านเลย ถึงจะเมนูปรุงสุก เราก็ใช้ซาชิมิเกรด เพื่อลูกค้าจะได้ทานของดี ๆ
ร้านปรับไม่แฟร์ อะไรคือแฟร์ ฝากแนะนำทีค่ะ จุดไหนคือจุดที่ลูกค้าสบายใจคะ เราจะได้นำไปปรับปรุง ในภาวะวัตถุดิบที่ขึ้นราคาอย่างมาก จนร้านเพื่อนบ้านเราขึ้นราคากันเยอะแล้ว แต่เราเป็นร้านเล็ก ๆ พยายามจะควบคุมต้นทุนด้านอื่น ๆ ให้ประหยัดที่สุด การปรับราคาเป็นทางเลือกหลัง ๆ ที่เราจะใช้ เราพยายามมาก ๆแล้วจริง ๆ //ฉันผู้กำลังหมดแรง ทั้งรายได้ และกำลังใจ ให้ภาพเล่าเรื่อง และบอกฉันที ว่าน้อล ๆ ไม่สดเหรอ ดูสีขนาดน้อลกำลังจะจมน้ำสิ และฉันก็กำลังจมน้ำตาเช่นกัน"