"ทนายเกิดผล" ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายเกิดผล แก้วเกิด โดยระบุว่า
พกปืนอย่างไรไม่ถูกจับ
ฎีกาพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ
เกี่ยวกับเรื่องการพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ มีปัญหาวินิจฉัยเสมอมาว่า พฤติการณ์ขนาดไหนที่เรียกว่า พาอาวุธปืน ไป
ถ้าแยกชิ้นส่วน แยกแม็ก แยกลูก เก็บใส่กล่องใส่กุญแจ ไม่พร้อมใช้งาน แบบนี้ ถือว่า ผิดกฎหมาย ตาม พรบ. อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ หรือไม่ ?
เดิม มีคำพิพากษาศาลฎีกา วินิจฉัยใน ปี 2540 ว่า ทนายความท่านหนึ่งย้ายบ้าน ระหว่างเดินทาง มีอาวุธติดมาด้วย แต่ทนายท่านนั้น เอาอาวุธปืนใส่ไว้ในกล่อง_ล็อคกุญแจ_วางไว้เบาะหลัง ศาลฎีกา วินิจฉัยว่า การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นได้ยาก จึงถือว่า จำเลยไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อปรากฏว่ากระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพ มีกุญแจล็อกถึง_2 ด้าน ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นได้ยาก ทั้งจำเลยมีเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของ จึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัว
การมีปืนติดตัวม จะพร้อมใช้หรือไม่พร้อมใช้ กฎหมายก็ถือว่าเป็นความผิดทั้งหมด #เพราะไม่มีบทบัญญัติยกเว้นไว้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐
พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ มิได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืนหรืออาวุธที่พาไปต้องเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไหม่ก็ตาม ก็ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ แล้ว
ฎีกาก็ยังกลับไปกลับมาอยู่
และ ต่อมา ปี 57 ก็มีฎีกาใหม่ว่า
การมีอาวุธปืนติดไปในรถในลักษณะที่ไม่พร้อมใช้งานไม่ผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง
จำเลยมีอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถ_ยากแก่การนำมาใช้ ไม่เป็นความผิดฐารพาอาวุธปืนไปในเมือง ฯ
ซึ่งคดีนี้ จำเลยรับสารภาพตามฟ้องด้วยนะครับ แต่ศาลฎีกามองว่า เป็นข้อกฎหมายสำคัญ แม้จำเลยจะรับสารภาพ แต่การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ก็พิพากษายกฟ้อง เช่นเดิม