ฉาว "นายอำเภอแม่วงก์" ทุจริตเก็บส่วยบ่อนไก่ ซ้อนแผนจับคาห้อง หลักฐานคามือ

วันที่ 19 พ.ค. 2566 มีรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปปป.บุกจับนายอำเภอแม่วงก์คาห้องทำงานในคดีทุจริตเก็บส่วยบ่อนไก่ แลกกับการออกใบอนุญาต (พ.น.4) เพื่อให้สามารถจัดให้มีการเล่นการพนันได้ อ้างเป็นค่าดูแลผู้ประกอบการ ตำรวจพบหลักฐานคามือแต่เจ้าตัวยังคงปฏิเสธ

รายงานเผย  กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.2 บก.ปปป. พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.4 บก.ปปป. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จังหวัดนครสวรรค์ เจ้า และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าจับกุม นายประสิทธิ์ นายอำเภอแม่วงก์ ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ภายในห้องทำงาน บนที่ว่าการอำเภอแม่วงก์ ต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์

โดย นายประสิทธิ์  นายอำเภอแม่วงก์ มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการสนามไก่ชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ แลกกับการออกใบอนุญาต (พ.น.4) เพื่อให้สามารถจัดให้มีการเล่นการพนันได้ โดยเรียกเก็บเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาท ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้ว การขอใบอนุญาตดังกล่าวจะเสียค่าธรรมเนียม สังเวียนละ 220 บาทต่อเดือน แต่สนามชนไก่ของผู้เสียหาย มี 6 สังเวียน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 1,320 บาทต่อเดือน แต่ที่ต้องเรียกเก็บเพิ่มนั้น นายประสิทธิ์ อ้างว่าเป็นค่าดูแล ซึ่งผู้ประกอบการจำยอมในการจ่ายเงิน เนื่องจากเกรงว่ากระทบกับธุรกิจโดยที่ผ่านมาผู้เสียหายจ่ายเงินให้ 2 เดือน เป็นจำนวน 6,000 บาท

ต่อมาผู้ประกอบการสนามชนไก่ ขาดสภาพคล่องทางการเงินแต่นายประสิทธิ์ทวงถาม พร้อมบังคับให้จ่ายล่วงหน้าอีก 3 เดือน รวมเป็นเงิน 12,000 บาท และยังข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายสนามไก่ชนจะถูกปิด ผู้เสียหายจึงนำเรื่องเข้าร้องเรียน ก่อนจะมีการวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินส่วนที่เหลือไปจ่ายให้กับนายประสิทธิ์ ตามข้อเรียกร้อง กระทั่งเมื่อเห็นว่ามีการเรียกรับเงินจริง จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้พร้อมกับเงินของกลางดังกล่าว

นายประสิทธิ์ ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปปป. แจ้งข้อกล่าวหา ก่อนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวน ส่งต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป