"หยก" เคลื่อนไหวหลังพ้นสภาพนักเรียน ชี้แจง 5 ข้อ ยืนยันไม่ได้ดื้อแพ่ง

18 มิถุนายน 2566

"หยก" เยาวชนอายุ 15 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เคลื่อนไหวหลังพ้นสภาพนักเรียน ชี้แจง 5 ข้อ ยืนยันไม่ได้ดื้อแพ่ง

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ "หยก" เยาวชนอายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 นักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งตกเป็นจำเลยในคดี ม.112 ได้ออกมาเคลื่อนไหวเผยว่าถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนล่าสุด ทางด้าน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ว่า น้องหยก ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เนื่องจากการมอบตัวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566

อ่านข่าวเพิ่มเติม : เตรียมพัฒน์ฯ ออกแถลงการณ์ฉบับ 2 ยืนยัน "หยก" ไม่มีสภาพเป็นนักเรียนแล้ว

หยก เคลื่อนไหวหลังพ้นสภาพนักเรียน ชี้แจง 5 ข้อ ยืนยันไม่ได้ดื้อแพ่ง

ล่าสุด หยก นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

1. หนูไม่ได้เข้าเรียนตามเวลาที่ใจปรารถนา แต่ที่หนูเข้าห้องสายตอนนี้เพราะถูกกีดกันไม่ให้เข้าโรงเรียน มันยากลำบากมาก หนูเข้าคาบตามเวลาที่กำหนดตลอด คาบไหนออดดังแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที

2. หนูไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบ แต่หนูเห็นว่าวิชาจริยธรรม เป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ หนูคิดว่าสอนกันมาแบบนี้ก็ไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น จากการต้องฟังว่าเราต้องเป็นคนดี

3. หนูไม่ได้ต่อต้านทุกกิจกรรมของโรงเรียน เหมือนกับในคุกบ้านปรานีเช่นกัน หนูไม่ท่องอาขยานก่อนกินข้าว แต่ถ้าต้องทำความสะอาดตรงกลางหนูก็ทำ เรื่องไหว้ครูต่างๆหนูเห็นว่าไม่มีประโยชน์กับเยาวชนและนักเรียน

หยก เคลื่อนไหวหลังพ้นสภาพนักเรียน ชี้แจง 5 ข้อ ยืนยันไม่ได้ดื้อแพ่ง

4. การกระทำนี้ ไม่ใช่หนูดื้อแพ่งโง่ๆ แต่หนูคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่ในโรงเรียนในประเทศคือเรื่องไม่ปกติ เด็กหลายคนก็คงอยากแต่งตัวไปรเวทเหมือนกันแหละ แต่อาจจะถูกพ่อแม่ไม่ให้ สังคมไม่ให้ โครงสร้างที่กดทับ ถูกโรงเรียนกดทับ แล้วก็ไม่มีความสามารถที่จะเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ในชั้นเป็นเด็กแล้วคุณจะคาดหวังว่าเราจะมีผู้ใหญ่ที่โตไปเป็นผู้พิพากษาหรือข้าราชการ หรือคนมีตำแหน่งแล้วให้เค้ากล้าหาญที่จะหักคำสั่งของเจ้านายในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรได้ยังไงกันคะ

5. สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนคะ หนูพูดในฐานะที่ตัวเองเป็นเยาวชนเพราะเปลี่ยนเพื่อให้หนูได้อยู่ต่อ ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ไปต่อพร้อมกัน การที่ผู้ใหญ่ชอบโลกแบบของผู้ใหญ่ก็คือเรื่องนึง แล้วพวกหนูในฐานะเด็กมีถ้าอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องทำยังไง การร้องขอดี ๆ หลายสิบปีที่ผ่านก็ปรากฎชัดแล้วว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง

ในวันนี้ สิ่งที่หนูทำไม่ได้เป็นเรื่องฆ่าคนตาย เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านสัญญะ การแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ทำให้หนูเรียนไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เรียนไม่ได้คือโรงเรียนและบุคลากร เรื่องนี้เป็นบททดสอบของสังคมไทยทำให้เห็นว่า จะพิสูจน์อะไรอีก ถ้าตกลงแล้วสถานศึกษาหรือทัศนคติของสังคมไทย ว่าจะยังไง จะใช้วิธีปัดตกเขี่ยทิ้งกลบฝังคนที่อยากได้ความเปลี่ยนแปลงใช่ไหม