เผยสาเหตุ ผจก.ร้านติดฟิล์มรถยนต์ ก่อเหตุลั่นไกดับสลดหน้าร้าน

วันที่ 25 มิ.ย.66 เกิดเหตุสลด ผจก.ร้านติดฟิล์มรถยนต์ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ลั่นไกปลิดชีพตัวเองหน้าร้านหนีความผิด โดย พ.ต.ต.วิระศักดิ์ พิพิศ สว.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุยิงตัวตายหน้าร้านติดฟิล์มรถยนต์แห่งหนึ่ง ย่านถนนบางบอน2 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กทม.

 ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียวประกอบกิจการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ตรวจสอบหน้าร้าน พบศพ นายธนกฤต หรือโจ๊ก จงโรจน์กุล อายุ 43 ปี ผู้จัดการร้าน มีบาดแผลใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงจ่อขมับขวาตัวเองทะลุข้างซ้าย 1 นัด ในกำมือข้างขวาพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Smith & Wesson 1 กระบอก พร้อมปลอกกระสุนตกอยู่ข้างศพ 1 นัด

  สอบสวนเพื่อนร่วมงานซึ่งรุดมาดูจุดเกิดเหตุทราบว่า วันนี้ที่ร้านปิดให้บริการ เนื่องจากเป็นวันหยุด ส่วน นายธนกฤต ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน มีความสนิทสนมกับเจ้าของร้านมาก จนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ  ทำงานอยู่ที่ร้านฟิล์มรถยนต์แห่งนี้มาหลายปีแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา นายธนกฤต ถูกเจ้าของร้านดำเนินคดีลักทรัพย์นายจ้าง เนื่องจากตรวจสอบภายหลังพบว่ามีเงินของทางร้านสูญหายไปนับล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเป็นคดีความ

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าช่วงก่อนเกิดเหตุ นายธนกฤต ได้ขับรถส่วนตัวจากบ้านมาที่ร้าน แล้วลงจากรถมาตะโกนด่าใส่กล้องวงจรปิด คล้ายต้องการสื่อให้ทางเจ้าของร้านทราบว่าไม่พอใจที่ถูกแจ้งความจับ จากนั้นจึงใช้อาวุธปืนที่เตรียมมาด้วยจ่อขมับตนเองจนเสียชีวิต ล่าสุดพบข้อมูลว่าวันนี้ทางนายจ้างพาครอบครัวไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ระหว่างเดินทางกลับมาให้ปากคำกับทางเจ้าที่ตำรวจ 

ทางด้านคนเห็นเหตุการณ์  คือ นายวัลลภ  อายุ 50 ปี ได้ยิงเสียงปืน 1 นัด ซึ่งคิดว่ามีรถเหยียบสิ่งของ เมื่อหันมาดูก็ถึงกับตกใจเห็นผู้ตาย นอนหงายหน้าเลือดออก ระหว่างที่ตนกำลังซื้อกับข้าว เห็นผู้ตายล้มแล้ว ในมือถืออาวุธปืนอยู่ จึงรีบวิ่งไปบอก นางวัฒน์  ป้าร้านขายของชำ ด้านนางวัฒน์ กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่บริเวณนี้ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นผู้จัดการร้าน ก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตเคยเป็นเซลล์ของศูนย์โตโยต้าขายรถให้กับตน และมีภรรยาหน้าตาดี

 ทั้งนี้ทางด้านนางสาวต้น แฟนสาวผู้เสียชีวิต พร้อมเพื่อนเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าร้าน โดยนางสาวต้น ร่ำไห้ฟูมฟายตลอดเวลา จนเพื่อนสาวที่มาด้วยกันประคองออกจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นต่างก็รีบไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวขับรถออกไปทันที โดยไม่ตอบคำถามใดๆกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว