ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ กับกรณี 5 ชีวิตหายตัวปริศนาไปพร้อมกัน ทั้งหมดเป็นเครือญาติ ประกอบด้วย นางอุษา ปานรอด อายุ 43 ปี, นางสาวชนนิกานต์ หรือน้องบีม โตชะนก อายุ 22 ปี, นางสาวญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง โจมฤทธิ์ อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์), เด็กชายพรพิพัฒน์ ปานรอด อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด และเด็กหญิงศิรประภา หรือน้องฟ้าใส รุจิตร อายุ 13 ปี เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 5 คน หายตัวไปจากในพื้นที่อำเภอ ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทั้งหมดหายไปกับนายลมกรด หรือ นายแบงค์ แสงสว่าง อายุ 36 ปี ชาว จังหวัดเชียงใหม่ แฟนของ นางสาวชนนิกานต์ และมีการร้องเรียนจนกลายเป็นเรื่องที่ถูกเปิดเผยในสื่อมวลชน
ล่าสุด วันที่ 30 มิ.ย. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรียกคณะทำงานตำรวจภูธรภาคแปดและตำรวจฝ่ายสืบสวนจากในพื้นที่ท่าศาลา และตำรวจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดี มาประชุมถึงความคืบหน้าในคดีนี้
โดยหลังเข้ารับฟังความคืบหน้าคดี ประมาณ 1 ชั่วโมง บิ๊กโจ๊ก ออกมาให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน และระบุว่า จากการรับฟังรายงานว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบและรับฟังข้อมูลทั้งหมด ยืนยันได้ว่าคดีนี้ไม่ใช่การค้ามนุษย์ และการอุ้มตัวไป แต่เป็นการพาเยาวชนไปเที่ยว หลังได้เงินจากการขายที่จำนวน 4 แสนบาท ส่วนสาเหตุที่พาเด็กไปนานกว่า 3 เดือน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อำเภอท่าศาลา และมีการพาไปร่วมงานศพที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ก่อนนำลงมาเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพ และพื้นที่อื่นๆ
โดยสามารถนำเด็กมาคืนได้ที่ สน.ใกล้เคียง หรือ สน.ทั่วประเทศ แต่ตนเองยังได้มีการสั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนในคณะทำงาน ลงพื้นที่ติดตามตัวบุคคลทั้งห้าไปพร้อมกันด้วย โดยยืนยันว่าหาก ตำรวจฝ่ายสืบสวนพบตัวเด็กก่อนที่จะมีการนำเด็กเมื่อคืน จะดำเนินการทางคดีอย่างหนัก
สำหรับเบาะแสของกลุ่มคนทั้ง5คนที่ถูกพาไปในครั้งนี้พบว่าล่าสุดปรากฏตัวในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯแต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดแต่ยืนยันได้ว่าขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่และไม่ได้มีการถูกคุมขังหรือคุมตัวแต่อย่างใด
การตั้งประเด็น ความขัดแย้งภายในครอบครัวของผู้เสียหาย หรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอให้ได้ตัวเด็กทั้งหมดกลับมาก่อน จึงจะสามารถ ชี้แจงในรายละเอียดได้อีกครั้ง
ส่วนที่ตำรวจมีการจับกุมตัวนายนพดล แสนเมืองอินทร์ คนขับรถตู้ที่พากลุ่มบุคคลทั้ง 5 คน ไป เนื่องจากตำรวจในพื้นที่ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียง รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีนว่าโทรศัพท์มือถือ ได้ถูกหนึ่งในกลุ่มบุคคลทั้ง 5 นำไปจากห้องน้ำภายในปั๊มแห่งหนึ่ง และมีการตรวจสอบเลขทะเบียนรถยนต์และมีการไล่วงจรปิดไปจนพบว่ายังอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ใจ
จึงมีการเชิญตัวมาตรวจสอบประวัติและพบว่าตัวนายนพดลมีหมายจับในคดีฉ้อโกง แต่ในขณะนั้นตำรวจไม่ได้มีการ ตรวจสอบตัวนายลมกรด หรือแบงค์ ว่ามีคดีหรือมีหมายจับหรือไม่ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงตัวนายลมกรด มีคดีฉ้อโกง ธนาคารจำนวนมูลค่า 1.8 ล้านบาท หากตรวจสอบตั้งแต่แรก ก็จะสามารถดำเนินการคงตัวและ ได้ตัวกลุ่มบุคคลทั้งห้ามาตั้งแต่แรก เพราะในวันที่มีการเชิญตัวคนขับรถตู้ไปที่สถานีตำรวจภูธรในอำเภอแม่ใจ ตัวเด็กและบุคคลทั้งห้าก็อยู่บนรถที่สถานีตำรวจภูธรด้วยเช่นกัน