จากกรณี พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่ถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ประเทศศรีลังกา ล่าสุด วันที่ 5 ก.ค. 66 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ หลังกลับมาประเทศไทย
โดยระบุว่า เช้าวันนี้อารมณ์ดี ส่ายหัวไปมา มีความคุ้นเคยกับสภาพรอบด้านมากขึ้น เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เป็นอย่างดี รับประทานอาหาร นํ้า และขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งเร็วๆนี้แพทย์ก็จะเริ่มรักษาโดยการตรวจสอบภายในมากขึ้น
เบื้องต้นขณะนี้ พลายศักดิ์สุรินทร์ เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เป็นอย่างดี ถือเป็นข่าวดีที่สุดและเป็นบุญที่สุดของคนไทย ที่เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 ได้ทราบถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้พลายศักดิ์สุรินทร์เป็นช้างในพระบรมราชานุเคราะห์ ถือเป็นบุญของช้างและคนไทยที่มีองค์พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญกับทุกๆ ชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ไปอยู่ต่างประเทศมา 22 ปี
ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตได้ว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีงาที่สวยงามและยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความยาวเกือบ 2 เมตร เป็นงาที่โค้งและมีสัญลักษณ์สวยงามมาก ซึ่งส่วนตัวดีใจที่พากลับมาได้
และเมื่อถูกถามว่า แบบนี้ไม่ต้องส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาแล้วใช่หรือไม่? นายวราวุธ ได้กล่าวว่า พออยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง
เมื่อถามว่า ช้างเชือกอื่นที่ศรีลังกามีแนวทางที่จะนำกลับมาด้วยหรือไม่ นายวราวุธ ได้เผยว่า เท่าที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ไปดูด้วยตัวเอง เห็นว่ายังมีความเป็นอยู่ที่ปกติสุข อาจจะมีบาดเจ็บบ้าง ก็อยู่ในวิสัยที่ประเทศศรีลังกาดูแลได้ และทราบว่าหลายมหาวิทยาลัยในประเทศศรีลังกาได้ติดต่อมาที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ผ่านทางกระทรวงต่างประเทศ เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะดูแลช้างที่ศรีลังกา โดยบอกว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแล ซึ่งก็จะมีการประสานงานกัน เพื่อให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีส่วนร่วมในการดูแลช้างที่เหลืออยู่ในศรีลังกา
การจะนำกลับมานั้น ต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคตอีกที ถ้าช้างมีการบาดเจ็บหรือมีความเป็นอยู่ที่เหนือศักยภาพการดูแลของแต่ละองค์กรในศรีลังกา ทางประเทศไทยก็คงจะหยิบยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนกับกรณีพลายศักดิ์สุรินทร์