จากกรณีของ คุณกบ ผู้เสียหายที่ออกมาร้องเรียนว่า พิมรี่พาย เบี้ยวสัญญาในการผลิตน้ำปลาร้า จากที่จะจ้างผลิตเป็นล้านขวด กลายเป็นว่าพิมรี่พายรับไปแค่ 30,000 ขวด แล้วยังไม่จ่ายเงิน ทั้งที่คุณกบลงทุนทำโรงงานใหม่ ออกรถบรรทุกใหม่ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่พิมรี่พายก็สวนมาว่า น้ำปลาร้าจากโรงงานคุณกบไม่ได้มาตรฐาน แล้วตนจะรับเพื่อเอาออกมาขายได้อย่างไร
ด้าน คุณกบ เผยในรายการ โหนกระแส ว่า ได้รู้จักกับพิมรี่พายผ่านทางโรงงานปลาร้าอีกเจ้า เมื่อเดือน ก.พ.64 ก่อนจะนัดเจอกันกับพิมรี่พายที่กรุงเทพฯ และพิมรี่พายต้องการให้ตนผลิตน้ำปลาร้าทั้งหมด 10 ล้านขวด ตกวันละ 5 แสนขวด
ซึ่งตนบอกไปว่าไม่มีใครทำได้หรอก เพราะตัวเองก็มีโรงงานผลิตให้กับแบรนด์อื่นอยู่แล้ว แต่พิมรี่พาย ก็โน้มน้าวให้ตนเองหยุดผลิตแบรนด์อื่น แล้วมารับจ้างผลิตให้พิมรี่พายเพียงคนเดียว พร้อมวางแผนและสร้างโรงงานขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยความที่ตนติดตามมาด้วยก่อนหน้านี้ จึงตอบตกลงไป แล้วลงทุนขยายโรงงานเพื่อรับดีลนี้ ที่มีการกำหนดการผลิตไว้ที่ 1 แสนขวดต่อวัน จึงไปกู้เงินมาสร้างโรงงานจำนวน 2 ล้านบาท
ล็อตแรกที่เริ่มทำ เป็นช่วงเดือน เมษายน โดยโรงงานจะผลิตได้จำนวน 60,000 ขวด/วัน และจัดส่งสินค้าแบบไม่มีปัญหาอะไร และยังสอบถามไปทาง พิมรี่พายอีกว่า สินค้าเป็นยังไงทางพิธีกร อย่างคุณหนุ่มกรรชัย ได้สอบถามเรื่องเกิดตั้งแต่ปี 2564 แล้วทำไมเพิ่งจะมาฟ้อง คุณกบก็ได้ให้คำตอบว่า “เพราะเห็นว่าตอนนั้นเขามีกระแสอยู่ ทางเราก็เก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานแล้วอีกอย่างตอนนั้น พิมรี่พาย มีประเด็นเกี่ยวกับคลินิกอยู่ ก็เห็นกระแสโจมตีกับอีกฝ่าย”
นางกบ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขวดน้ำปลาร้าที่ผลิตขึ้นมา ติดแบรนด์แม่อีพิมไปแล้ว ทำให้ไปขายต่อกับเจ้าอื่นไม่ได้ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นยังมีค่าก่อสร้างโรงงานอีก 5 ล้านบาท อีกทั้งตนยังให้ลูกเลิกขายของส่งในตลาดเพื่อมาดูแลโรงงานดังกล่าว และที่ผ่านมาไม่มีรายได้ไปฟ้องร้อง เพราะนำโฉนดที่ดินไปจำนองและถูกยึด ประกอบกับกระแสของพิมรี่พายดีมาก จึงทำได้เพียงแค่นั่งมอง ยังคงยืนยันว่าต้องการจะฟ้องร้อง และหลังเกิดเรื่อง ฝ่ายพิมรี่พายก็ไม่เคยติดต่อเข้ามาชี้แจง นอกจากนี้ช่วงหนึ่งนางกบยังโชว์แชทที่คุยกับพิมรี่พายเรื่องน้ำปลาร้าพร้อมกับต่อว่าเธอผลิตน้ำปลาร้าไม่ได้มาตรฐานจึงไม่รับของจากโรงงานของนางกบ