วันที่ วันที่ 17 ก.ค. 2566 จากกรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมงานสายไหมต้องรอดพาสาววัย 27 ปี ผู้เสียหายเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม โดยขอให้จัดฝ่ายกฎหมายมาช่วยดูเรื่องการดำเนินคดี เนื่องจากเกรงว่าตำรวจจะช่วยเหลือกันและขอรับการคุ้มครองพยาน หลังจากได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังถูกแฟนหนุ่มระดับสารวัตรสืบสวน สภ.แห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี
เนื่องจากการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บึงกุม ปรากฎว่า ในบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา ไม่ระบุชื่อผู้ก่อเหตุ โดยมีข้อความระบุว่า "ไม่ปรากฎว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด" ทั้งที่ผู้เสียหายระบุชื่อคนทำร้ายชัดเจน จนทีมสายไหมต้องรอด ต้องไปสอบถามว่า ทำไมถึงพิมพ์ว่า "ไม่ปรากฎว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด" แม้ภายหลังการทักท้วง ทางพนักงานสอบสวนร้อยเวรได้แก้ไขให้ แต่ผู้เสียหายยังกังวลว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยนายนิรันดร์ เกแง้ว ตัวแทนทีมงานสายไหมต้องรอด ระบุว่า มาขอคุ้มครองสิทธิและรับเงินเยียวยาในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาตามกฎหมาย อีกทั้งมาร้องขอให้ผู้เสียหายเข้าสู่มาตรการคุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการตำรวจ จึงกลัวและวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังถือโอกาสร้องเรียนกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากในใบบันทึกคำให้การดังกล่าว ไม่ระบุชื่อผู้ก่อเหตุ จึงทำให้ผู้เสียหายไม่สบายใจ เกรงว่าตำรวจจะช่วยเหลือกันเอง อีกทั้งใบนี้มีผลอย่างยิ่งต่อการออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเป็นการจงใจ เลยขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเร่งรัดและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านผู้เสียหายระบุว่า ในวันที่แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บึงกุม ตนได้แจ้งระบุชื่อผู้กล่าวหากับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่พอมาดูใบบันทึกคำให้การย้อนหลัง ปรากฎว่าไม่ระบุชื่อผู้ก่อเหตุ จึงได้ทักท้วงถามกลับไป ทางตำรวจก็แก้ไขให้ใหม่แต่ยังไม่ส่งคืน อ้างว่าต้องทำเอกสารให้สมบูรณ์ ส่วนใบบันทึกประจำวัน ทางตำรวจได้ระบุชื่อผู้ก่อเหตุไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังไม่ได้มอบให้ผู้เสียหายเช่นกัน เพราะตำรวจติดใบนี้ไปกับบันทึกคำให้การด้วย ซึ่งวันนี้หลังเสร็จสิ้นกิจที่กระทรวงยุติธรรม จะเดินทางไปรับใบทั้งสองที่ สน.
ผู้เสียหายยังระบุอีกว่า สารวัตรรายนี้ตนคบหามาได้กว่า 10 เดือนแล้ว ตั้งแต่ผู้ก่อเหตุยังประจำการอยู่ที่กองปราบปราม ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ได้ย้ายไปขึ้นตำแหน่งสารวัตรสืบสวนที่ สภ.ในจังหวัดลพบุรี ซึ่งตลอด 10 เดือนที่ผ่านมานั้น ตนถูกสารวัตรรายนี้ตบตีและทำร้ายร่างกายเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่สารวัตรหนุ่มเมาสุรา ก็จะเกิดอาการหึงหวง มีปากเสียง
แล้วก็ตบตีตน โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมนั้นถือว่าหนักที่สุด เพราะมีการชกต่อยเข้าที่ใบหน้า หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในท้องที่ สน.บึงกุม จนตนตัดสินใจขอเลิกกับสารวัตรหนุ่มคนนี้ ซึ่งตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนถึงทุกวันนี้ ตนไม่ติดต่อกลับไปหาสารวัตรคนนี้อีกเลย มีเพียงฝัสารวัตรที่ LINE มาขอคืนดีกับตนอย่างต่อเนื่องและล่าสุดเพิ่ง LINE มาเมื่อวานนี้เอง
ด้านนายวรพันธ์ กลัดหว่าง นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตัวแทนรับมอบหนังสือ กล่าวว่า ทางกระทรวงได้รับหนังสือแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่าข่มขู่ผู้เสียหายยังไง หากเข้าเกณฑ์คุ้มครองพยานก็จะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด เบื้องต้นได้ประสานให้ตำรวจท้องที่ของผู้เสียหายจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังผู้เสียหายไว้เบื้องต้นและเร่งรัดการดำเนินคดีกับทางตำรวจ สน.บึงกุม ให้ดำเนินการโดยละเอียด รอบคอบ และเป็นธรรม ไม่ช่วยเหลือกัน ส่วนค่าเยียวยาตามสิทธิจะพิจารณาจากค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียโอกาสในหน้าที่การงานของผู้เสียหายต่อไป