สรุปมหากาพย์ รถหรูลัมโบร์กินี “ครูเต้ย” เดือดเจ้าของเต็นท์ปมหลอกซื้อรถหรู
มหากาพย์ รถหรูลัมโบร์กินี! “ครูเต้ย” ซื้อมาราคา 8 ล้าน สุดท้ายตำรวจบุกยึดถึงบ้าน เพราะเต็นท์รถไม่บอกว่าค้างค่างวด เจ้าของเต็นท์โฟนอินชี้แจง คู่กรณีเพียบ ซึ่งล่าสุด "ครูเต้ย อภิวัฒน์" ด้ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการโหนกระแส ว่า "เริ่มแรกผมซื้อลัมโบร์กินีจากเต็นท์รถนึง รุ่นกัลลาร์โดเดิมเป็นสีเทา แต่ไปแร๊พสีมิ้นต์มา ซื้อมาเบ็ดเสร็จทั้งหมดคือ 8 ล้าน ซื้อเป็นเงินสดครับ ตอนลงขายเป็น 8.2 ล้าน แต่เราเอารถเราไปเทิร์นด้วยครับ รถออดี้อาร์ 8 ไปเทิร์น ก็จะจ่ายเงินไป 1.5 ล้านบาท ตีของออดี้อีก 6.5 ล้าน
เรื่องเล่มรถ ไม่มีอะไรมาเลย เป็นความสะเพร่าของเราด้วย เมื่อก่อนตอนผมซื้อรถ ซื้อง่าย ไปดูสภาพรถ แล้วโอเค คุยกันตกลง เต็นท์ก็จะบอกว่าอาทิตย์สองอาทิตย์ทำเรื่องโอนให้ ส่งเล่มไปให้ เราก็ไม่มีปัญหา เพิ่งมีปัญหาเคสนี้ แต่มีทำสัญญาครับ สรุปสมุดเล่มรถ ยังไม่ได้เลยครับ ถามเขา เขาก็บ่ายเบี่ยง บอกกำลังตามให้ เจ้าของรถไปต่างประเทศบ้าง สุดท้ายเดือนกรกฎาคม มีตำรวจไปที่บ้าน ไปทำการอายัดรถ ผมไม่อยู่ อยู่แค่แฟน แม่ แล้วก็ลูก ลูกออกมาดู เขาก็ตกใจมาก ร้องไห้เลย เพราะที่ผ่านมาเราจะสอนลูกเสมอว่าห้ามทำในสิ่งที่ไม่ดี ถ้าทำตำรวจจะจับนะ เรื่องนี้เลยทำให้ผมสงสารลูกมาก
แล้วคนหมู่บ้านข้างๆ เขามาดูว่าเราทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า เขาก็ล้อมรถด้วย เหมือนเราทำผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนั้น ผมไปคอนเสิร์ตแล้วโทรคุยกับแฟนและคุณตำรวจ เราก็บริสุทธิ์ใจ ก็ให้ตำรวจ เอารถไปที่โรงพัก ตำรวจก็นัดเจ้าของเต็นท์มาคุย เหมือนเขาไปซื้อรถมาแล้วไม่ไปผ่อนต่อ แต่เอามาขายให้ผม โดยบอกผมว่ารถโอนได้ปกติทุกอย่าง ไม่ได้บอกว่ารถมีไฟแนนซ์ สรุปที่ผ่านผมได้ใช้รถประมาณ 7 เดือน"
โดยทางเพจโหนกระแสออกมาไล่เรียงเรื่องราว จากกรณีข้อพิพาทรถหรู ลัมโบร์กินี หลัง ครูเต้ย อภิวัฒน์ นักร้องชื่อดัง ไปร้องกับบิ๊กโจ๊ก หลังซื้อรถลัมโบร์ราคา 8 ล้านบาทมาจากเต็นท์รถหรูมือสอง แต่ปรากฎว่ามีตำรวจบุกมาที่บ้าน มายึดรถคืนไป เพราะรถค้างค่างวดไฟแนนซ์ โดยที่ครูเต้ยไม่รู้เรื่องเลย
ครูเต้ย อภิวัฒน์ เล่าว่า ตนซื้อรถลัมโบร์กินี กัลลาร์โด ราคา 8 ล้านบาท เป็นรถมือสอง จากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง โดยครูเต้ยเอาออดี้ R8 ของตัวเองไปเทิร์น แล้วเพิ่มเงินในสัญญา เพิ่มเงินไป 1.5 ล้านบาท และรถออดี้ อีก 1 คันของตัวเองที่เอาไปเทิร์นด้วย จ่ายไปหมดแล้วทุกอย่างตั้งแต่เดือนมกราคม โดยทางเต็นท์จะทำเรื่องโอนให้ หลังจากนั้นก็จะส่งเล่มโอนให้ทีหลัง สามารถรับรถไปวันนั้นได้เลย
แต่วันแรกที่ครูเต้ยไปติดต่อจะซื้อรถ ทางเต็นท์บอกว่า ไม่ต้องซื้อเงินสดก็ได้ เดี๋ยวเอารถออดี้มาเทิร์น แล้วเงินส่วนต่างจะเอาไปจัดไฟแนนซ์ให้ ให้เราไปผ่อนกับเขา ให้เราไปนอนคิดก่อน 1 คืน สุดท้ายเราก็ตัดสินใจจะจ่ายเป็นเงินสด
ทางเต็นท์ให้รถมาใช้เลย บอกว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์เรื่องทุกอย่างจะเสร็จ ส่งเอกสารอะไรต่างๆ ให้ทางไลน์ ในท้ายสัญญามีการเขียนว่ารถติดไฟแนนซ์อยู่ แต่ตนเข้าใจว่า หมายถึงไฟแนนซ์ระหว่างเรากับเต็นท์ แต่ตนซื้อเงินสด ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่ความเป็นจริงคือ ไฟแนนซ์เดิมที่รถคันนี้ติดอยู่ ค้างค่างวดอยู่
หลังได้รับรถมา ไม่ได้สมุดคู่มือเล่มรถมา พยายามติดต่อไปทางเต็นท์ ก็บ่ายเบี่ยงว่าติดปัญหา เจ้าของเก่าก็ไม่อยู่ จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ก็มีตำรวจและไฟแนนซ์เข้ามาตรวจสอบรถ แจ้งว่ารถคันนี้ไม่ได้ส่งค่างวดรถ เกินกำหนดชำระ ต้องมายึดรถ โดยตำรวจบุกมาที่บ้านเหมือนเราทำผิดกฎหมายร้ายแรง มาล้อมบ้าน ล้อมรถ ตนไปเล่นคอนเสิร์ต ไม่รู้เรื่อง ภรรยาถ่ายรูปส่งมา ลูกร้องไห้เพราะว่ากลัวมาก
มาทราบภายหลังว่า รถลัมโบร์คันนี้ค้างค่างวดอยู่ 7 งวด ไฟแนนซ์ตามหารถไม่เจอ เพราะแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นเลขทะเบียนของรถออดี้ R8 คันเก่า แล้วก็มีการไป Wrap สีใหม่ จากสีเทาเป็นสีฟ้า ทำให้เขาตามหารถไม่เจอเสียที
ขณะที่คุณดรีม เจ้าของรถลัมโบร์ก่อนหน้านี้บอกว่า เอารถคันนี้ไปขายดาวน์ที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง คนละเต็นท์ที่ขายให้ครูเต้ย ตามสัญญาทางเต็นท์ต้องเอาเงินมาปิดสัญญาไฟแนนซ์ให้ ภายใน 3 เดือน แต่เขาไม่ยอมปิด นานล่วงเลยมา 2-3 ปี ตลอด 2-3 ปี มีปัญหาค้างค่างวดจนไฟแนนซ์มาตามหารอบหนึ่งแล้ว ตอนนั้นติดค้างค่างวดอยู่ 1 ล้านกว่าบาท ตนก็ยอมจ่ายไป ผ่านไปไม่นาน ไฟแนนซ์มาตามอีกแล้ว ค้างค่างวดอีกแล้ว ดรีมจึงบอกไฟแนนซ์ว่าให้ไปตามยึดรถได้เลย คงไม่จ่ายเงินฟรีให้แล้ว
ขณะที่ครูเต้ย พอมีปัญหาก็ติดต่อไปที่เต็นท์รถ ยืนยันว่าจะขอเงินสด 1.5 ล้านบาทคืน และจะขอรถออดี้ R8 ของตัวเองคืนด้วย แต่เต็นท์กลับบอกว่า เอาไว้เขาพร้อมเมื่อไหร่ถึงจะคืน
ขณะที่คุณกุ๊กไก่ ผู้เสียหายอีกคนเล่าว่า ไปซื้อรถลัมโบร์กินี สีขาว จากเต็นท์รถของนิค เต็นท์เดียวกับครูเต้ย ทำสัญญาผ่อนกับไฟแนนซ์ 7.5 ล้านบาท ปรากฎว่ามีหมายของ DSI ส่งมาให้ที่บ้าน ว่ารถคันนี้ติดคดีอยู่ ก็เลยไปติดต่อกับเต็นท์ เขาก็เลยยอมเอารถคันสีขาวคืนไป แล้วส่งรถลัมโบร์สีเหลืองคันใหม่มาให้ ทำสัญญาไฟแนนซ์ใหม่ อีก 7.5 ล้าน โดยที่รถคันเก่าก็ยังมีสัญญาผ่อนอยู่ด้วย เต็นท์บอกว่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนสัญญาให้ตามขั้นตอน
ปรากฎว่า มีหนังสือ DSI ส่งมาอีกรอบ ว่ารถคันสีเหลืองนี้เป็นทรัพย์ในคดี Forex ตนต้องจ่ายเงินผ่อนไป 20 กว่างวด ต้องเอาเอกสารอะไรต่างๆ ไปยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวอะไรกับคดี สุดท้ายทนไม่ไหวยอมขายขาดทุนคืนให้เต็นท์ของนิค ได้เงินกลับมาแค่ล้านเดียว
สุดท้ายรถลัมโบร์คันสีเหลืองถูกขายต่อไปให้แซม ผู้เสียหายอีกคน แต่แซมได้รถไปขับไม่ได้ เพราะกล่อง ECU ของรถถูกสับเปลี่ยนเอาของรถออดี้มาใส่แทน ปรากฎว่ามีปัญหาเรื่องโอนรถเหมือนกันทุกคน โอนชื่อ โอนเล่มรถไม่ได้ มีปัญหาคล้ายกับครูเต้ย
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยอีกว่า รถลัมโบร์สีเหลืองคันนี้ เป็นรถคันเดียวกันกับที่เคยมีคลิปขับลุยน้ำท่วมที่เชียงใหม่จนกันชนหลังหลุดออกมา
ต่อมา คุณนิค เจ้าของเต็นท์รถ พร้อมกับ ทนายเดชา ที่ปรึกษาทางกฎหมาย โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า ได้มีการแจ้งครูเต้ยไปหมดแล้ว ว่ารถคันนี้ติดไฟแนนซ์อยู่ มีค่างวดอยู่ มีการแนบไว้ท้ายสัญญา ไม่ได้ปิดบัง แต่ครูเต้ยยืนยันว่าเขาไม่ได้แจ้งกับตนว่า รถติดไฟแนนซ์ ไอ้ที่เขาเขียนแนบท้ายสัญญา ก็ทำให้ตนเข้าใจว่า เป็นไฟแนนซ์ยอด 1.5 ล้านที่ตนจ่ายเป็นเงินสดไปแล้ว เพราะถ้ารู้ว่ารถติดไฟแนนซ์อยู่ ตนก็ไม่ซื้ออยู่แล้ว
คุณนิคบอกอีกว่า ในเคสของครูเต้ย ได้มีการทำสัญญาไกล่เกลี่ยกันไปแล้ว ว่าจะชดใช้ด้วยรถคันที่แพงกว่า และครูเต้ยต้องไปให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เต็นท์ของตน แต่ครูเต้ยไม่ทำตามสัญญา ทั้งที่ตนยังไม่ได้ผิดสัญญาของเขาสักข้อเลย
ขณะที่ครูเต้ย และ ทนายเจมส์ ยืนยันว่า ที่ทำสัญญาไกล่เกลี่ย เพราะคุณนิคสัญญาตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. ว่าจะคืนรถออดี้ของครูเต้ย ให้ในวันที่ 30 ก.ค. มีเอกสารทุกอย่างครบหมด ครูเต้ยถึงตีรถมาจากหัวหินมาหาเขาในวันนั้น แต่พอมาถึงเต็นท์ เขากลับบอกว่า รถออดี้ขายไปแล้ว เจ้าของรถไปต่างประเทศ แต่สามารถตามคืนได้ แต่ถ้าไม่อยากรอ ก็มาเลือกรถคันใหม่ ที่แพงกว่าคันเดิม เอาไปแทนได้เลย
แต่ปรากฎว่า พอทำสัญญาเสร็จแล้ว กลับได้ข้อมูลมาว่า รถออดี้ของครูเต้ย ยังจอดอยู่ และมีคนของนิคไปโพสต์ลงขาย ทำให้งงว่า ไหนบอกว่าขายไปแล้ว แล้วทำไมถึงเอาไปลงขาย แล้วขายเป็นชื่อใครก็ไม่รู้ จึงต้องออกมาพูดในเรื่องนี้ เพราะมันไม่ชอบมาพากล
เมื่อทนายเจมส์ไล่บี้ ถามย้ำว่า รถออดี้ R8 ของครูเต้ย ขายไปแล้วใช่ไหม คุณนิคไม่ยอมตอบว่าขายหรือไม่ขาย แต่ยืนยันว่า ตามกลับมาได้ ไม่ว่าจะถามย้ำอีกกี่ครั้ง ก็จะตอบเพียงแต่ว่า รถเอากลับมาได้
สุดท้ายทางครูเต้ยยื่นคำขาดว่า ต้องได้รถออดี้คันเก่าคืน พร้อมเงินสด 1.5 ล้านเต็มจำนวนคืน ภายใน 2 สัปดาห์ แล้วจะไปถอนแจ้งความให้ ซึ่งทางคุณนิคก็รับปากว่าจะเร่งให้ใน 2 สัปดาห์
ส่วนกรณีของดรีม ซึ่งเป็นเจ้าของรถลัมโบ ที่ขายให้ครูเต้ยไป ซึ่งดรีมมาเอารถไปแล้ว คุณนิคบอกให้เอารถมาคืน พร้อมกับใบเสร็จต่างๆ ตามจริง มาให้คุณนิค แล้วจะเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันตามจริง เอาเงินไปจ่ายไฟแนนซ์เท่าไหร่ เงินคงค้างเท่าไหร่ มาคุยกันให้จบ เพราะตอนนี้เวลาตามรถ มันต้องตามกันเป็นทอดๆ แทนที่นิคจะไปเคลียร์กับเบิ้ม ที่เป็นเจ้าของเต็นท์ที่นิคซื้อมาอย่างเดียว กลับต้องไปไล่ตามจากดรีมแทน ถ้าทำได้ตามนี้ เรื่องนี้ก็จบไป
ส่วนกรณีของคุณกุ๊กไก่ ที่ซื้อรถจากคุณนิคไปแล้ว ติดคดี DSI แล้วขายคืนคุณนิคไป แต่คุณนิคไม่ยิมปิดไฟแนนซ์ให้ แล้วเอาไปขายต่อให้แซม จนไฟแนนซ์มาตามเอาเรื่องกับกุ๊กไก่ เรื่องนี้ผ่านมา 2-3 ปีแล้ว ปรากฎว่ากุ๊กไก่ติดเครดิตบูโร เพราะไฟแนนซ์บอกเลิกสัญญา ส่วนแซมก็ถามกลับไปถึงนิคว่า ในเมื่อกุ๊กไก่ เอารถไปขายคืนเพราะติดคดี DSI แล้วนิคเอามาขายตน โดยไม่บอกด้วยซ้ำว่ารถติดคดี สุดท้ายพอเป็นเรื่องเป็นราว แซมกับกุ๊กไก นัดกันเอารถไปคืนไว้ที่ สน.วังทองหลาง ปรากฎว่ารถไปโผล่ที่เชียงใหม่ในคลิปลุยน้ำท่วมได้ยังไงก็ไม่รู้
คุณกุ๊กไก่ยืนยันว่า ตนจะไม่เอาเงินคืน ไม่เอาค่าเสียหาย แต่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความ เพราะตนเดือดร้อนมา 2 ปี เขาไม่มาช่วยเหลืออะไรเลย
Cr. เพจโหนกระแส/ FB ครูเต้ย อภิวัฒน์