สืบเนื่องมาจากที่นายสิระได้ฟ้อง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ลักษณะหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทั้งหมด 4 คดี ซึ่งมีคำพิพากษาแล้วรวม 3 คดี คือ ล่าสุดวันนี้ 7 ส.ค. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.325/2565 ที่ นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค.2564 จำเลยได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เหรียญทอง แน่นหนา” โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย รวมทั้งหมด 5 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน ทำนองว่า โจทก์ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร สส.เพราะเคยต้องคำพิพากษาและถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี
และข้อความทำนองว่า บุกรุกโรงพยาบาลสนาม จนต้องเลื่อนการเปิดโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดินออกไป จนกระทบกับผู้ป่วยโควิด-19 รวมทั้งข้อความอื่นๆ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
วันนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง จำเลย พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามกำหนดนัด ขณะที่โจทก์ส่งเสมียนทนายความมาแทน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าการที่จำเลยโพสต์ข้อความลักษณะดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะมีประชาชนเข้าไปโพสต์แสดงความคิดเห็นต่อท้าย ถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 326 เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิดไป แต่การกระทำไม่ถึงกับเป็นร้ายแรง
พิพากษาจำคุกรวม 5 กระทง กระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 2 หมื่นบาท รวมจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ทั้งนี้จำเลยได้ประกอบคุณงามความดีและเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ให้ลบข้อความหมิ่นประมาทที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊กทั้งหมด และให้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ฉบับใดฉนับหนึ่ง โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
สำหรับคดีนี้ นายสิระได้ฟ้อง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ลักษณะหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทั้งหมด 4 คดี ซึ่งมีคำพิพากษาแล้วรวม 3 คดี คือ คดีหมายเลขดำที่ อ 1919/2564 ศาลได้พิพากษาจำคุก 3 ปี และปรับ 3 แสนบาทโทษจำคุกให้รอลงอาญา,
คดีหมายเลขดำที่ อ.1510/2565 ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีและปรับ 2 แสนบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา และคดีนี้ หมายเลขดำ อ.326/2565 ซึ่งได้พิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ส่วนคดีที่ 4 คือ คดีหมายเลขดำที่ อ.2577/2565 ศาลได้นัดสืบพยานในเดือน ก.พ. 2567