วันที่ 12 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2
ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายเอกฉันท์ ผ่องใส อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 4 ตำบลพรสวรรค์ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ,นายนพดล กองเงิน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/211 ม.3 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.สุพิศตา สุดชมโฉม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 ม.9 ต.ตาอ็อง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ และน.ส.เจสิตา แสงสว่าง อายุ 22 ปีอยู่บ้านเลขที่ 7/2 ม.9 ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมของกลางรถยนต์กระบะตอนเดียว ใช้บรรทุกขนพัสดุ จำนวน 2 คัน,รถยนต์โตโยต้าฟอจูนเนอร์ จำนวน 1 คัน,รถยนต์กะบะยี่ห้ออีซูสุ จำนวน 1 คัน,รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ ยี่ห้อ BMW S1000RR จำนวน 1 คัน,รถจักรยานยนต์ มอโตครอส ยี่ห้อ ฮอนด้า จำนวน 1 คัน ,คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเปิดเพจเฟชบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง,เครื่องปริ้นฉลากรายชื่อลูกค้าที่จะส่งสินค้า จำนวน 1 เครื่อง,กล่องพัสดุ สำหรับส่งสินค้า ประมาณ 8,960 กล่อง
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านเพจ “ตำรวจไซเบอร์ 2” หลังได้รับความเดือดร้อนกรณีมีพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงได้ดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่ง สาขาบางกร่าง จังหวัดนนทบุรี
ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีนายเอกฉันท์ เป็นผู้ส่งพัสดุ โดยส่งมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในระยะเวลาประมาณ 10 วัน มีการส่งพัสดุกว่า 1-2 หมื่นชิ้น ทั้งหมดเป็นพัสดุที่เก็บเงินปลายทางและถูกตีคืนจำนวนมาก จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบพบนายเอกฉันท์ อยู่ที่บ้านดังกล่าว พร้อมตรวจยึดพัสดุเตรียมส่งกว่า 1 หมื่นกล่อง มูลค่ากว่า 20 ล้าน ก่อนขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า สอบสวนให้การรับว่าได้ร่วมกับนายนภดล ซึ่งเป็นพนักงานเซลล์หาลูกค้าของบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนดังกล่าวชักชวนเปิดเพจเฟสบุ๊คและซื้อโฆษณา รวมทั้งว่าจ้างแอดมินโต้ตอบลูกค้า ในการขายสินค้าต่างๆ เช่น ไฟแช็คเติมแก๊ส ลำโพงบลูทูธ ฯลฯ ในราคาไม่เกิน 200 บาท เมื่อแอดมินเพจ ได้รายชื่อลูกค้าแล้ว ก็จะปริ้นท์ฉลากติดพัสดุส่งลูกค้า โดยปกปิดสถานที่ส่งสินค้า และให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าติดต่อมายังผู้ส่งได้ แต่จะติดสถานที่ผู้ส่ง เป็นสถานที่ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ ศูนย์กระจายสินค้า บริษัทขนส่งพัสดุเอง
โดยนายนพดลประสานงานกับ น.ส.สุพิศตา ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งพัสดุ สาขาบางกร่าง โดยมีผลประโยชน์ตอบแทนกล่องละ 2 บาท โดยให้ทำหน้าที่คอยแก้ไขปัญหา หากมีลูกค้าร้องเรียนมา โดยเมื่อกล่องพัสดุเมื่อส่งไปยังลูกค้าแล้ว หากมีลูกค้าหลงเชื่อจ่ายเงินปลายทาง เงินที่ได้จะเข้ายังบริษัท ขนส่งพัสดุฯ จากนั้นทางบริษัทฯ จะโอนเงินให้กับนายเอกฉันท์ฯ ผ่าน บัญชี น.ส.เจสิตาฯ ที่ได้ร่วมกันจ้างให้ น.ส.เจสิตาฯ เปิดบัญชีธนาคารให้เป็น บัญชีรับโอนเงินดังกล่าว และเมื่อ เงินเข้าบัญชีแล้ว ก็ว่าจ้างให้ น.ส.เจสิตาฯ ไปกดเงินสด และนำมามอบให้ ซึ่งในการลงทุนส่งพัสดุที่ไม่ตรงตามที่สั่งซื้อแต่ละครั้งกว่า 10,000 กล่อง จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนหลักล้านบาท แล้วนำผลกำไรมาแบ่งกัน
ซึ่งทำมานานประมาณ 3-4 เดือน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ร่วมกันฟอกเงิน