จากกรณีที่ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบับล่าสุด ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2566 และยกเลิกกฎหมายเดิมทั้งหมด ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 12 ส.ค.2566 โดยระเบียบนี้มีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ โดยผู้ที่จะได้เงิน 600 บาท จะต้องมีคุณสมบัติเรื่องการไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพเท่านั้น หากใครถูกระงับโดยบริสุทธิ์ใจ จะไม่มีการเรียกเงินคืน
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงิน "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ตามประกาศใหม่ มีดังนี้
1.มีสัญชาติไทย
2.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3.มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
4.เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
สำหรับผู้สูงอายุที่จะได้ไม่ได้รับ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ตามระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติว่า ด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ ดังนี้
1.ไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2. ไม่เป็นผู้รับเงินบำนาญ ผู้รับเงินเบี้ยยังชีพตามระเบียบของ กระทรวงมหาดไทยหรือกรุงเทพมหานคร ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือองค์กร
3. ไม่เป็นผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่าง จากปกครองส่วนท้องถิ่น
4. ยกเว้นผู้ที่ได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ
ขั้นตอนการยืนยันสิทธิ รับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท
ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้ยืนยันสิทธิโดยไม่ต้องลงทะเบียน และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำนวยความสะดวกโดยแจ้งไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิ แต่ถ้าหากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต้องแนบเอกสารยืนยันสิทธิไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้
- แบบยืนยันสิทธิของการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับผู้ที่ต้องการรับเงินผ่านธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้สูงอายุไม่สามารถแจ้งความประสงค์รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลอื่นเป็นผู้ไปแจ้งความประสงค์แทนได้
ส่วนการสิ้นสุดการได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อ
1. ตาย
2. ขาดคุณสมบัติตามที่นำเสนอมาแล้ว
3. แจ้งสละสิทธิการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหนังสือต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิ
กรณีที่ระงับสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนสั่งระงับการจ่ายเงิน ส่วนผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพนี้ แต่ได้รับเบี้ยยังชีพด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการรายงานให้ผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุต่อไป ยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน
นอกจากนี้ มีบทเฉพาะกาลในข้อ 17 ที่ว่า ผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป
วันมีผลบังคับใช้
- นับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป วันที่ 12 ส.ค.2566