นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “ต่อมลูกหมาก” เป็นอวัยวะสำคัญของเพศชาย มีหน้าที่สร้างสารเลี้ยงอสุจิและน้ำหล่อลื่นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะโตขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงอายุ และหากเซลล์ในต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติหรือลุกลามไปสู่อวัยวะอื่น ภาวะดังกล่าวอาจกลายเป็น “มะเร็งต่อมลูกหมาก” มะเร็งต่อมลูกหมากพบได้บ่อยเป็นลำดับ 4 ของมะเร็งในเพศชาย จากสถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (Cancer in Thailand Vol.X 2016-2018) พบอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยรายใหม่ วันละ 10 คน หรือ 3,755 คนต่อปี เสียชีวิตวันละ 5 คน หรือ 1,830 คนต่อปี พบมากในผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติ บิดา พี่ชายหรือน้องชายเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
ระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือนแต่มักตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือพบสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด (serum PSA: serum prostatic antigen) สูงเกินค่าปกติ เซลล์มะเร็งเมื่อขยายตัวจนเบียดท่อปัสสาวะจะทำให้ปัสสาวะลำบาก ไม่พุ่ง กลั้นไม่อยู่ ปวดแสบเวลาปัสสาวะและมีเลือดปนมากับปัสสาวะหรืออสุจิ ซึ่งอาการเหล่านี้คล้ายคลึงกับโรคต่อมลูกหมากโตจึงต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการวินิจฉัยแยกโรค หากมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลามอาจทำให้ปวดหลัง ปวดสะโพก กระดูกหักโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลด ขาบวม หรือตัวเหลืองตาเหลืองได้
นายแพทย์พร้อมวงศ์ งามวุฒิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์มะเร็งทางเดินปัสสาวะ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากมีหลายปัจจัย ได้แก่การรับประทานแคลเซียมในปริมาณสูงมากกว่า 2 กรัมต่อวัน ทานไขมันอิ่มตัวจากสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ปิ้งย่างไหม้เกรียม มีภาวะน้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน(Androgen) นอกจากนี้ยังพบว่าการมีภาวะต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังและมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยเช่นกัน
การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในปัจจุบันแนะนำให้ตรวจในเพศชายที่อายุระหว่าง 45-75 ปี ด้วยการคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนักร่วมกับตรวจระดับสารบ่งชี้ในเลือด (serum PSA) หากพบค่าสูงมากกว่า 4 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรหรือคลำพบก้อน บ่งชี้ถึงภาวะเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ถัดมาคือการเจาะเก็บชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากทางทวารหนักแบบสุ่ม (Random TRUS prostate biopsy) โดยใช้เครื่องมือสอดเข้าทางทวารหนักเพื่อเจาะเก็บชิ้นเนื้อ 10-12 ชิ้น นำไปตรวจหาเชลล์มะเร็ง การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากปัจจุบันใช้วิธีการเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณต่อมลูกหมาก (multiparametric MRI prostate) และใช้ภาพเอ็กซเรย์เป็นแผนภาพนำทางในการเจาะชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก (MRI fusion-targeted prostate biopsy) ซึ่งช่วยลดจำนวนชิ้นเนื้อที่ต้องเจาะเก็บและลดการเจาะในรายที่มีความเสี่ยงต่ำ ช่วยเพิ่มโอกาสตรวจพบเจอมะเร็งต่อมลูกหมากที่มีนัยสำคัญมากยิ่งขึ้น
การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค โดยจะพิจารณาร่วมกับอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย เริ่มตั้งแต่การตรวจติดตามหรือเฝ้าระวังเชิงรุกในผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ป่วยในกลุ่มที่มะเร็งมีการลุกลามต่ำ ไปจนถึงการผ่าตัดนำต่อมลูกหมากออก (Radical prostatectomy) การใช้ยาลดฮอร์โมนเพศชาย การฉายแสง ฝังแร่ การให้ยาเคมีบำบัด การผ่าตัดตัดอัณฑะรวมถึงการให้ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) วิธีการผ่าตัดรักษามะเร็งต่อมลูกหมากปัจจุบันที่นิยมมีอยู่ 2 วิธี คือการผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออกทั้งหมดผ่านกล้อง (laparoscopic radical prostatectomy) และการผ่าตัดต่อมลูกหมากออกทั้งหมดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วย (robotic-assisted laparoscopic radical prostatectomy) โดยใช้แขนกลหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยศัลยแพทย์ซึ่งมีความแม่นยำในการเก็บเส้นประสาทที่ช่วยในเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ดีมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากโดยวิธีการเจาะหาสารบ่งชี้ในเลือด (serum PSA) ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการทำให้ตรวจพบเจอผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นเพิ่มมากขึ้นช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาโรคให้หายขาด การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ไหม้เกรียม ช่วยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งและมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ